็How to...เรียนม.ปลายอย่างไร ให้ได้ 4.00
2. การเตรียมตัวก่อนเข้าเรียน,การเรียนในห้องเรียน และ หลังจากเลิกเรียน หลายๆคนมักจะชอบไปเรียนกวดวิชาล่วงหน้าตอนปิดเทอมครับ ซึ่งเรื่องนี้ผมเองก็ไม่ทราบนะครับว่ามันจะดีมั้ย แต่ตัวผมเองด้วยข้อจำกัดเรื่องการเงินและฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี ผมจึงไม่ได้ไปกวดวิชาล่วงหน้าครับ สำหรับตัวผมเองนั้น มักจะใช้วิธีการอ่านล่วงหน้าก่อนเข้าเรียนครับ ผมอ่านไปล่วงหน้าทุกๆวิชาเลย จะเข้าใจหรือไม่เข้าใจก็ช่างมันครับ อย่างน้อยให้มันผ่านสายตาเราก็ยังดี หรือถ้าอ่านแล้วเข้าใจเลยก็ยิ่งดีไปใหญ่ครับ อย่างไรก็ตาม ผมขอแนะนำว่าเรื่องนี้สำคัญพอสมควรครับ หลายๆคนไม่ค่อยอ่านล่วงหน้าไปเพราะคิดว่าไม่สำคัญ ทำให้เวลาไปเรียนไม่ค่อยเข้าใจ ซึ่งการอ่านล่วงหน้าไปนั้นเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เราเข้าใจตอนเรียนในห้องได้ดีครับ พอเข้าไปเรียนในห้องเรียนแล้วก็ต้องตั้งใจเรียนครับ ให้พึงระลึกไว้อยู่เสมอว่า "ทุกๆวินาทีในห้องเรียน คือวินาทีทอง และคำพูดทุกๆคำพูดของอาจารย์มีค่ายิ่งกว่าทองคำ" เมื่อเลิกเรียนแล้ว หากยังมีจุดไหนที่ไม่เข้าใจ ผมมักจะไปถามอาจารย์นอกเวลาเรียนเสมอครับ และมักจะไปถามภายในวันนั้นเลย หลังจากกลับถึงหอพัก ผมจะทำการอ่านทบทวนบทเรียนประจำวันก่อนทุกๆวันซึ่งจะใช้เวลาในแต่ละวันไม่เกินวันละ1ชั่วโมงครึ่งเท่านั้นครับ จากนั้นจึงทำการบ้านและอ่านหนังสือ สรุปแล้ว ก่อนจะสอบ ผมจะได้อ่านหนังสืออย่างน้อยสามรอบก่อนสอบทุกครั้งครับ
3.เคล็ดลับการอ่านหนังสือและการทำโจทย์ต่างๆ
เรื่องนี้ก็แล้วแต่ความถนัด ด้วยความที่ผมอ่านหนังสือล่วงหน้าไปก่อน มันเลยทำให้ผมมักจะเข้าใจบทเรียนเวลาเรียนในห้องเสมอ ดังนั้นแล้วเวลากลับหอพักมาอ่านทบทวนจึงทำให้ผมใช้เวลาไม่นานนักและยังจำได้ดีอีกด้วย และเมื่อถึงเวลาใกล้สอบผมจึงไม่ต้องอ่านหนังสือด้วยความกดดันมากนัก แต่บางครั้งผมก็แอบเครียดพอสมควร วิชาคำนวณนั้นผมจะอ่านเนื้อหาและทฤษฎีให้เข้าใจเสียก่อนจากนั้นจึงลงมือทำโจทย์และแบบฝึกหัดต่างๆ ส่วนวิชาที่มีเนื้อหาเยอะๆผมจะคัดลอกเนื้อหาที่สำคัญๆไว้ลงในสมุด ซึ่งผมจะสรุปเอาไว้เป็นเนื้อหาที่ผมเข้าใจเอง ส่วนคำศัพท์ภาษาอังกฤษและศัพท์ชีววิทยานั้นผมก็ใช้วิธีเดียวกันครับ แต่ศัพท์พวกนี้ผมจะต้องคัดลงสมุดคำศัพท์ของผมเองทุกๆวัน วันละ12หน้ากระดาษสมุดปกอ่อน ซึ่งผมใช้เวลาวันละ2ชั่วโมงในการคัดศัพท์ ศัพท์1คำผมจะต้องพยายามหาSynonymให้ได้มากที่สุดด้วย แน่นอนว่าผมไม่สามารถจำคำศัพท์ได้วันละ 12 หน้าครับ แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือผมได้ศัพท์ใหม่ๆและเป็นชุดคำศัพท์วันละไม่ต่ำกว่า10คำแน่นอน และทำให้ผมจำได้นานด้วยไม่ใช่จำได้แค่วันหรือสองวันเท่านั้น เวลาว่างๆก็เอามาเปิดอ่านเป็นประจำและผมจะไม่อ่านแค่รอบเดียวแน่นอนครับ นอกจากนั้นแล้วผมยังเขียนสูตรการคำนวณและคำศัพท์ต่างๆเขียนลงกระดาษPost-It แล้วก็แปะไว้ตามที่ผมชอบเดินผ่านบ่อยๆเช่นประตูห้องหรือตู้เสื้อผ้า ตามผนังห้องหรือแม้กระทั่งหน้ากระจกในห้องน้ำ เรื่องโจทย์ ผมชอบซื้อหนังสือรวมโจทย์ข้อสอบต่างๆมาทำเองครับ ข้อไหนที่ผมไม่เข้าใจและทำไม่ได้ผมมักจะเอาไปถามอาจารย์ที่โรงเรียนหรือไม่ก็เพื่อนๆพี่ๆที่เก่งๆ
4.การเตรียมตัวสอบ
ผมไม่ค่อยสนใจอะไรมากเท่าไหร่ เพราะผมเตรียมตัวดีมาตั้งแต่เริ่มเปิดเทอม มันจึงทำให้ผมรู้สึกมั่นใจทุกๆสนามสอบเสมอ อย่างไรก็ตามช่วงเวลาใกล้สอบผมมักจะเพิ่มเวลาการอ่านหนังสือให้มากกว่าเดิมสองเท่าเพื่อจะได้ทำข้อสอบให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ เรื่องการจะมาเตรียมตัวก่อนวันสอบสัก1-2วันหรือเพียงไม่กี่สัปดาห์นั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมเคยปฏิบัติเลย ก่อนวันสอบผมมักจะไหว้พระ และโทรศัพท์ไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่เป็นประจำเพื่อขอกำลังใจจากท่านทั้งสอง บางครั้งผมก็จะไปเล่นเกมส์หรือเล่นดนตรีและกีฬากับเพื่อนๆเพื่อเป็นการผ่อนคลายความเครียดครับ
5.วันสอบ
ไม่ต้องสนใจอะไรแล้วครับ คิดถึงแต่เรื่องข้อสอบอย่างเดียวพอ ข้อสอบจะออกมายังไงไม่ต้องสนใจ ใจเย็นๆค่อยๆทำไปครับ
6.สิ่งที่ทำแตกต่างจากคนอื่นๆ
จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้ต่างจากคนอื่นหรอกครับ แต่ผมเห็นว่าน้อยคนนักจะทำเหมือนผม สิ่งที่ผมทำเป็นประจำทุกๆวันอย่างหนึ่งก็คือการนั่งสมาธิครับ ผมนั่งของผมเองไม่มีใครมาสอนผมและผมจะนั่งวันละประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งถือว่าเป็นการนั่งสมาธิที่ไม่ได้จริงจังมากนัก บางครั้งผมจิตใจฟุ้งซ่านและคิดมากผมก็ได้การนั่งสมาธินี่แหละครับช่วยให้ผมผ่อนคลายความเครียดได้ รวมทั้งยังมีสมาธิและความจำในการเรียนดีขึ้นด้วย แต่ต้องอดทนทำเป็นประจำครับแล้วจะเห็นผลจริงๆ นอกจากนี้ผมยังอ่านหนังสือธรรมะด้วย บางทีก็ฝึกสมาธิตามแนวทางจากที่ได้อ่านในหนังสือ แต่อย่างที่ผมบอกไว้แหละครับ ผมไม่ได้ปฏิบัติอย่างจริงจัง (เป็นชาวพุทธแท้ๆแต่ไม่จริงจังในเรื่องสมาธิเลย น่าอายมาก) ทำให้ผลที่ได้ไม่ค่อยเต็มเม็ดเต็มหน่วยสักเท่าไหร่ครับ
7.กำลังใจ
เรื่องนี้ก็แล้วแต่บุคคลครับ ตัวผมเองบอกตรงๆว่ากำลังใจที่สำคัญที่สุดมาจากตนเอง ผมมักจะบอกกับตัวผมเองเสมอว่า อย่าเพิ่งท้อ ขอให้สู้ต่อไป กำลังใจอีกอย่างหนึ่งคือมาจากครอบครัวครับ ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของผมมักจะโทรศัพท์มาหาทุกๆวันและให้กำลังใจผมทุกๆวัน ตอนผมเรียนม.ปลายนั้นผมชอบเอากระดาษมาเขียนติดไว้รอบห้องว่า 4.00 ติดไว้เต็มไปหมดเลยครับ ตรงหัวเตียงก็ติดไว้ ก่อนนอนก็กราบทุกวันเพื่อเป็นกำลังใจ (ตอนม.ต้นผมก็ติดไว้เป็นชื่อโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์เช่นกัน) ให้คิดไว้อยู่เสมอว่าคนเราทุกคนมีหนึ่งสมอง สองมือ สองขา เท่าๆกัน บางคนยังมีน้อยกว่าเรา แต่ทำไมเค้าทำได้ดีกว่าเราล่ะ เราไม่อายเค้าบ้างเหรอ ในเมื่อเราไม่ได้ด้อยไปกว่าเค้า เราก็ต้องทำให้ได้ดีเหมือนเค้าสิ
คนอื่นไปเหยียบดวงจันทร์ได้ เราก็ต้องไปเหยียบดวงจันทร์ได้เช่นกัน
ไม่มีสิ่งใดภายใต้แสงอาทิตย์ดวงนี้ ที่มนุษย์อย่างเราจะทำไม่ได้
เทคนิคและวิธีการต่างๆที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น เป็นวิธีการที่ผมใช้ตอนเรียนม.ปลายและทำให้ผมจบการศึกษาด้วยเกรดเฉลี่ยอย่างที่ผมต้องการ นอกจากนี้ยังทำให้ผมประสบผลสำเร็จสอบติดโควต้าและเอนทรานซ์ติดในคณะและมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ถึงแม้ว่าผมจะจบม.ปลายจากโรงเรียนบ้านนอกที่ตั้งอยู่กลางทุ่งนาก็ตาม
สุดท้ายนี้ ผมหวังว่า กระทู้กากๆนี้คงเป็นประโยชน์ต่อผู้ทีได้อ่านไม่มากก็น้อยนะครับ
ด้วยความปรารถนาดี
spit_it_out
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
คลิกที่นี่เพื่อดูความคิดเห็นทั้งหมด
@CM33 ผมขอเพิ่มเติมนะครับ เราไม่จำเป็นต้องกลับไปอ่านตั้งแต่ม.1ใหม่ครับ ตอนม.ปลาย ผมอาศัยไปถามอาจารย์ครับ แต่อาจจะมีจุดที่เราไม่เข้าใจมากหน่อย แต่ก็ต้องพยายามถามนะครับ ไม่ต้องไปอายหรือกลัวอะไร
@เคน พี่ว่าก็ขึ้นอยู่กับผู้เรียนนะ ก็ต้องดูว่าเค้าจะเลือกอะไร เทคโนโลยีมันก็เหมือนเหรียญสองด้าน ถ้าเราเลือกเอาส่วนที่ดีและมีประโยชน์มาใช้ มันก็คุ้ม แต่หลายๆคนก็เลือกที่จะใช้ระบายอารมณ์ของตนเองมากกว่า พี่เองก็เช่นกัน ฮ่าๆๆๆๆ อย่างว่าแหละ สมัยนี้สิ่งล่อตาล่อใจมันเยอะ กิเลสก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เคนสะดวกเขียนกระทู้รีวิวสถานที่เรียนกวดวิชามั้ย ถ้าไม่รบกวนเกินไปก็ขอรีวิวเรื่องนี้สักกระทู้นะครับ เพราะเห็นมีหลายๆคนถามมา พี่เองก็ไม่รู้จะตอบยังไงเพราะไม่มีข้อมูลเลย
@CM40 สำหรับสองวิชานี้นั้น ผมจะอ่านเยอะมากครับ เพราะเนื้อหามันเยอะ จึงต้องอ่านหลายๆรอบ ส่วนหนังสือที่ใช้อ่าน ผมว่าถ้าเป็นสังคมก็อ่านของบทเรียนแล้วก็อ่านหนังสือความรู้รอบตัว มันจะช่วยได้ แต่ต้องอ่านเยอะๆนะครับ เพราะผมเองอ่านไม่ต่ำว่า5-6รอบ ยอมรับว่าทั้งหนักและเหนื่อย แต่ผลที่ได้รับกลับมานั้นคุ้มค่ามาก ส่วนภาษาไทยก็เช่นกัน หลักๆผมจะยึดจากในห้องเรียนเป็นสำคัญ ตรงไหนไม่เข้าใจก็ไปถามอาจารย์โดยตรงเลยครับ ผมจำหนังสือที่ผมใช้อ่านไม่ได้ เพราะมันนานมากแล้ว เป็นหนังสือเล่มบางๆ มีทั้งหมด6เล่ม จำชื่อคนแต่งไม่ได้ด้วย แต่อ่านแล้วเข้าใจเลยครับ ขออภัยจริงๆที่ผมจำไม่ได้
สรุปแล้วทั้งสองวิชานั้นต้องอ่านหนังสืออย่างหนักเลยครับ และต้องหาหนังสือพวกรวมโจทย์ข้อสอบต่างๆมาลองทำดูครับ ต้องทำเยอะๆแล้วเราจะทำข้อสอบได้เอง ไม่ต้องคิดว่าการที่เราไม่ได้เรียนพิเศษหรือกวดวิชาเหมือนคนอื่นจะเป็นจุดที่เสียเปรียบ แต่จงคิดว่าเราจะต้องพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่า ต่อให้ไม่เรียนพิเศษ เราก็ยังคงไร้เทียมทานเสมอ
@CM45 ถ้าถามเรื่องสถานที่เรียนพิเศษนั้น ผมคงตอบไม่ได้นะครับ เพราะว่าผมไม่เคยกวดวิชาเลย (จริงๆเคยไปกวดตอนม.ต้นครั้งเดียว แต่ไม่ชอบ เลยไม่ไปอีก) แต่ถ้าคิดจะอ่านเองก็ต้องบอกเลยว่าต้องมีวินัยต่อตัวเราเองมากพอสมควรนะครับ สู้ๆแล้วกัน
@CM49 เรื่องหนังสือ ตามไปที่กระทู้นี้เลยนะครับ http://sz4m.com/b2254287 เวลาไปเลือกหนังสือก็ลองเปิดอ่านดูว่าเล่มไหนที่เราประทับใจมากที่สุด พยายามดูที่เนื้อหาของเล่มนั้นๆนะครับ อย่าไปสนใจเรื่องหน้าปกให้มากนัก ฮ่าๆ
@CM51 ขอบคุณสำหรับเทคนิคที่นำมาแบ่งปันครับ
ปล.เรื่องสถานที่เรียนพิเศษ ผมคงไม่สามารถบอกได้นะครับ เพราะผมไม่เคยเรียนกวดวิชาเลย แต่น้องๆสามารถสอบถามยูสWLD'Blackfaithได้เลยนะครับ ยูสนี้เค้าเทพและมีข้อมูลมากพอสมควรครับ
,,พี่ค่ะ หนูอ่อนเลขมากๆ.เลยอ่ะ พวกเลขม.1 ยังไม่แม่นเลย.ตอนนี้จะขึ้นม.4 แล้ว แถมถูกครูจับมาอยู่ห้องคิงด้วยT T กลัวไม่ทันมากๆเลย หัวช้าด้วย.หนูควรทำยังไงดีค่ะ ? เครียดมาก '
,,อยู่สายวิทย์ซะด้วย. โอ้ววว -0-
ปีสุดท้ายในมอปลาย จะเอาไปใช้ให้ได้นะคะ
ขอบคุรสำหรับสิ่งดีๆอย่างนี้นะคะ
@CM77 เรื่องนี้ผมก็เป็นครับ ไม่จำเป็นต้องไปอ่านคณิตศาสตร์ตั้งแต่ม.1ใหม่ครับ เพียงแต่ว่าเราอาจจะมีพื้นฐานน้อยกว่าเพื่อนๆคนอื่น ดังนั้นเวลาเราไปเรียน อาจจะมีจุดที่เราไม่เข้าใจหรือเรียนไม่ทันเยอะหน่อย แต่ไม่ต้องกลัว เรื่องแบบนี้สามารถถามอาจารย์ได้โดยตรงครับ แรกๆอาจจะไม่ทันเพื่อน แต่พอเรียนๆไปจะดีขึ้นเอง แต่ต้องขยันมากๆหน่อยนะครับ
สิ่งใดที่มันไม่ดีก็ไม่ต้องเก็บมาคิด มาเริ่มนับหนึ่งใหม่ตอนม.4ก็ไม่สายครับ แต่ต้องขยันมากๆและตั้งใจจริง หากทำได้สม่ำเสมอ รับรองได้เลยว่าไม่มีใครสู้เราได้แน่นอน
ขอบคุณพี่มากๆเลย
ตอนนี้พี่คงทำให้พ่อแม่ภูมิใจมากสินะ
อยากเป็นเหมือนพี่บ้าง ; )
ชอบมากเลยประโยคใกล้สุดท้าย
ถึงแม้ว่าผมจะจบม.ปลายจากโรงเรียนบ้านนอกที่ตั้งอยู่กลางทุ่งนาก็ตาม
พี่เจ๋งมาก
เรียนมอปลายแล้วเกรดตก
จะบ้าตาย
บางวิชาก็นะ เอิ่มพละงี้ นาฏศิลป์งี้ ไม่ไหวไม่ถนัดจริงๆ
แล้ววิชาใหม่ๆของกระทรวงน่ะ ฉุดเกรดมาก
เก่งมากเลยค่ะทำได้ไงเนี่ย ?
เราตื่นไปเรียน 8 โมงเช้ายังทำไม่ได้เลยอ่ะ
นั่งสมาธิงี้ เราเป็นคนคิดไปเรื่อยอ่ะ ไม่มีสมาธิเลยยย ฟุ้งซ่านไปเรื่อย
แล้วก่อนสอบงี้ เราก็แบบอ่านล่วงหน้า 1 วันเพราะกลัวลืม
ผลสุดท้าย อ่านไม่ทัน เพราะเนื้อหาเยอะ สอบก็หลายวิชา
อยากทำแบบนี้ได้บ้างจัง แต่ม.ปลายนี่ อาจารย์สั่งรายงานบ่อยเกินนนน
ถึงเป็นงานกลุ่มเราก็ต้องเป็นคนทำตลอดอ่ะ ไม่มีเวลาไปนั่งอ่านหนังสือเลย
จะเอนท์นี่ก็ไม่รู้ว่าจะติดรึเปล่า ? TT^TT เศร้าาาา าา
ปล. ขอโืทษนะคะไม่รู้ว่าจขกท. อายุเท่าไหร่ เลยพูดแบบกันเองเลยแหะๆ
ขอบคุณจขกท.มากค่ะ ทำให้เราฮึดอะเกนน จขกท.เป็นเหมือนเราเลย ที่แบบเหมือนสะกดจิตตัวเองว่าคนนั้นทำได้ เราก็ทำได้ไรงี้ เวลาเราทำอะไรไม่สำเร็จเราก็ไม่ท้อใจเลย เพราะตอนนั้นเราทำดีที่สุดแล้วเนอะ
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ
มีกำลังใจอยากอ่านหนังสือขึ้นมาเลย จะลองนำไปใช้ดูนะคะ
อ่านจบไปรอบหนึ่งอีกแล้วเช่นกัน แต่ขอแปะกระทู้ดีๆ นี้ไว้เพื่อเป็นกำลังใจแก่ตัวเอง
กำลังจะเข้ามหา'ลัยแล้วค่ะ แอบละอายที่ตอนมอปลายไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย
แต่ไม่มีคำว่าสายเนอะ เอาเป็นว่า เราจะเริ่มฝึกการจัดระเบียบวันของตัวเองต่อจากนี้แล้วกัน
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณค่ะ
หนูนั่งเล่นคอมอยู่ เปิดกระทู้ฮาวทูดูไปเล่นๆ
มาเจอกับกระทู้พี่ .. มันทำให้หนูคิดได้ว่า
หนูไม่ควรจะมานั่งเล่นคอมอีกต่อไปแล้ว
เวลานี้เราควรจะทำอะไร .. อ่านหนังสือสิ
ยังดีนะคะที่ตอนนี้หนูกำลังจะขึ้นมอหก
มันไม่สายเกินไปใช่มั้ยคะถ้าหนูจะพยายาม
หนูบอกตัวเองเสมอว่าจะเข้านิเทศจุฬาให้ได้
ซึ่งมันยากมากกับคนเกรดอย่างหนู
หนูเป็นคนเรียนระดับปานกลาง
ประมาณว่าไม่ดีไม่แย่ (แต่ก็แอบแย่ในระดับนึง) เรียนได้เกรดมากกว่าสาม
แต่ไม่ถึงสามจุดห้า หนูเป็นคนที่ไม่เจียมเลยจริงๆ
หนูไม่คิดว่าหนูโง่นะ หนูแค่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เรียน
ถึงแม้การเข้าจุฬามันเป็นสิ่งที่ยากสำหรับหนู
แต่หนูก็พยายาม เพื่ออะไร เพื่อความฝันของหนูไง
ขอบคุณนะคะที่ตั้งกระทู้ดีดีแบบนี้ขึ้นมา
ทำให้เด็กเซ่อๆที่ไม่ตั้งใจเรียนคนนึงคิดได้
ถึงหนูจะไม่ได้เรียนวิทย์ไม่ได้จะเข้าแพทย์แบบพี่
แต่หนูก็ไม่ควรจะชะล่าใจเลยเพราะตอนนี้คู่แข่งของหนูเยอะมาก
ไม่ใช่แค่ที่โรงเรียน แต่ทั่วประเทศที่อยากเข้าเหมือนหนู
สุดท้ายนี้หนูก็ไม่รู้ว่าพี่จะมาอ่านคอมเม้นของหนูรีเปล่า
เพราะมันนานมาแล้วตั้งปี 54 ตอนนี้ปี 56 ก็สองปีแล้ว
ยังไงก็ขอขอบคุณพี่อีกครั้ง ตอนนี้หนูรู้แล้วสิ่งที่หนูควรทำคืออะไร
ขอให้กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ให้เด็กที่ไม่เอาไหนคนนึงได้ระบายสิ่งที่อยากจะระบาย
หนูจะไม่ลืมกระทู้นี้เลยนะพี่ หนูจะติดมหาลัยให้ได้อย่างพี่
ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถใช่มั้ยคะ ถ้าเราพยายามและพยายามมากขึ้น
วันที่หนูติดมหาลัยหนูจะมาเปิดดูกระทู้นี้อีกครั้ง สวัสดีค่ะ
คุณจขกท.สุดยอดมากครับ
แค่ตรงถ้าวันหยุดผมจะอ่านวันละ 12- 14 ชั่วโมง <<< ตรงนี้ก็ยอมแล้วครับ
ขอบคุณที่ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ จะเอาไปประยุกต์ใช้แล้วกันนะ เพราะตอนนี้เลยช่วงนั้นมาแล้ว 5555
ขอบคุณอีกครั้งครับ อ่านแล้วมีแรงกระตุ้นขึ้นมาหน่อย
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google