ความทรมานที่ควรรู้ก่อนคิดฆ่าตัวตาย #2
27 ส.ค. 55 14:14 น. /
ดู 2,499 ครั้ง /
44 ความเห็น /
25 ชอบจัง
/
แชร์
ต่อจากกระทู้ที่แล้ว เราว่าด้วยเรื่องการใช้ยาพาราเซต และการใช้ยาฆ่าหญ้า
เราจะมาว่ากันด้วยการฆ่าตัวตายที่ผมเกลียดมากที่สุด นั่นคือ การฆ่าตัวตายด้วยยาล้างห้องน้ำ
การฆ่าตัวตายด้วยวิธีนี้ มักไม่ถึงตายง่ายๆ และมักจะทำให้ต้องมารับการรักษาเป็นเวลานานในโรงพยาบาล
เป็น ที่มาของความเกลียดส่วนตัว เพราะสมัยเรียนและมีผู้ป่วยเข้ามา ผมต้องมานั่งเขียนประวัติ ตรวจร่างกาย และสภาพทางจิต มานอน1วัน ตรวจเสร็จกลับบ้าน ผ่านไปสองสัปดาห์ก็จะกลับเข้ามาใหม่ ผมก็ต้องเขียนใหม่ข้อความเดิมๆ แล้วก็กลับไปอีก ผ่านไปอีกสองสัปดาห์ ก็กลับมาตรวจรักษาเพิ่มอีก ผมอยากเอาใบที่เขียนคราวก่อนๆไปxeroxแล้วเอามาแปะจริงๆ
เข้าเรื่องดีกว่า ต้องปูพื้นก่อนว่าเมื่อเรากินอาหาร อาหารจะเดินทางดังนี้คือ ปาก คอ หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ส่วนหลอดอาหาร ฝังตัวอยู่ในช่องอก ซึ่งเป็นที่ตั้งของหัวใจ
.........
ผมไม่เข้าใจว่า ความเข้าใจของคนที่จะฆ่าตัวตายเกี่ยวกับการกินยาล้างห้องน้ำแล้วตายมาจากไหน แต่เดาว่าคงมาจากละครทีวีที่ว่ากินแล้วน้ำลายฟูมปาก ซึ่งไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน แต่ที่เท็จแน่ๆคือในทีวีกินแล้วตายหมด ถ้าไม่ตายก็รอดด้วยการล้างท้อง
ครั้งแรกในชีวิตที่ได้เจอคนไข้กินยาล้างห้องน้ำมาคือ ตอนเรียนปี4 วันนั้นไปห้องฉุกเฉินและได้เห็นภาพนั้นเข้า คนไข้มีน้ำลายเปรอะตามปากและไหลมาตามแก้ม ปากแดงก่ำ
สิ่งที่คาดเดาว่าจะเกิดขึ้นคือล้างท้อง.........
นั่นคือความเชื่อของเด็กโง่ๆคนนึง ซึ่งสงสัย และได้ถามพี่ๆว่าทำไมไม่ล้างท้อง ซึ่งพี่ๆก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะกำลังง่วนกับการเขียนประวัติและเขียนใบสั่งการ รักษาให้เจาะเลือดให้น้ำเกลือ จนมีเพื่อนคนนึงพูดทำนองว่า ทำไมพวกพี่ๆเห็นการเขียนประวัติสำคัญกว่าชีวิตคน
พี่เงยหน้ามาบอกว่า ถ้าพวกผมเป็นญาติคนไข้และคนไข้ไม่ได้อยู่ในอันตรายมาก จะอธิบายขั้นตอนการรักษาให้ฟัง แต่พวกผมเป็นนศพ. เรื่องทางการแพทย์ ถ้ายังไม่มีความรู้ก็ไม่ควรวิจารณ์เพราะการแพทย์คือเรื่องของเหตุผลไม่ใช่เรื่องของความรู้สึก .......
สรุปคือ คนไข้คนนี้ ไม่ต้องทำอะไร นอนให้น้ำเกลือ เจาะเลือด แล้วก็ขึ้นตึก ผ่านไประยะนึงก็ได้ไปส่องกล้องแล้วกลับบ้าน จากนั้นนัดมาตรวจเรื่อยๆเป็นระยะ ....
.......
ต่อจากนั้นก็เป็นความทรมานที่จะเริ่มขึ้นครับ ความทรมานขั้นแรก เมื่อกินยาล้างห้องน้ำ มันจะกัดไปตามปากและคอ ไปถึงกระเพาะ จากนั้นจะตามด้วยอาการกระอักกระอ่วน ไม่มีเรี่ยวแรง
จากนั้นก็จะโดนพาไปโรงพยาบาล ไปนอนหัวสูงๆ ถูกเจาะเลือดและให้น้ำเกลือ ช่วงนี้จะรู้สึก
1.ทำไมหมอไม่ทำอะไรเลย
2. แสบคอ หิวน้ำ ปวดท้อง แต่หมอจะไม่ให้กินน้ำหรืออาหาร
3. คลื่นไส้ อาจอาเจียนได้
ความเชื่อ: กินยาล้างห้องน้ำต้องล้างท้อง (ที่มา : ละครหลังข่าว)
ความจริง: ลองนึกถึงกรดหรือด่างที่กัดพื้นผิวหลอดอาหาร กรดจะทำให้เนื้อกลายเป็นเหมือนเนื้อที่โดนต้มจนแข็ง ด่างจะละลายเนื้อดุจดั่งเนื้อที่โดนหมักจนยุ่ย
การล้างท้องต้องสอดใส่ท่อยางเข้าไปในท่ออาหาร แล้วลองนึกต่อไปว่า เมื่อสอดท่อเข้าไปในเนื้อที่แข็งหรือเนื้อยุ่ยๆที่ไม่ยืดหยุน แล้วทะลุเข้าไปในช่องอกที่มีหัวใจเต้นตุบๆอยู่...... หึหึ หัวใจก็จะโดนไปด้วยและก็ตายไปเลย และก็ห้ามกินอะไรทั้งนั้ ด้วยเหตุผลเดียวกันคืออาหารหรือน้ำที่กลืนเข้าไปอาจดันทะลุออกจากหลอดอาหาร ได้
ความเชื่อ : ต้องใส่ไข่ขาว น้ำ หรือผงถ่านเพื่อดูดซับกรด
ความจริง : ถ้าเรียนเคมีมาคงเข้าใจ ว่าของพวกนี้ไร้ค่าเมื่อเจอกับกรดและด่าง ใส่ไปให้เสี่ยงกับการทะลุเปล่าๆ นอกจากนี้ การใส่ผงถ่านยังไปเคลือบแผล ซึ่งต่อไปหากส่องกล้องเพื่อการดูแผลและหยุดเลือดก็จะทำไม่ได้เพราะมองไม่เห็น
ความจริงที่ตามมา คือ ช่วงนี้ก็จะประคับประคองตามอาการไปก่อน หากมีการทะลุหรือว่าร่างกายดูดกรดด่างเข้าไป ก็จะแก้เป็นเปลาะๆไปเช่นผ่าตัดหรือปรับระดับในเลือด
---------
ความทรมานขั้นต่อไป
หลังจากนั้น ก็จะต้องไปส่องกล้องเพื่อดูความเสียหายของหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร ถึงจะทรมาน แต่ก็ไม่ได้มากมายนัก แค่พะอืดพะอมเจ็บปากเจ็บคอไปอีกหลายวัน หลังจากนั้นก็จะออกจากโรงพยาบาล จะเริ่มกินข้าวหรือของโตๆไม่ได้ ต่อมาจะกินข้าวต้มได้อย่างเดียว และหลอดอาหารจะตีบจนกินได้แต่น้ำ
บางคนหลอดอาหารอาจโชคดีไม่โดน แต่หูรูดกระเพาะจะโดน จนมันบวมโต ทำให้อาหารเข้าสู่ลำไส้ได้ยาก จะมีอาการหิวแต่กินไม่ได้ เพราะกินนิดเดียวก็จะอิ่ม ท้องอืดแน่น เรียกว่าหิวและอิ่มพร้อมๆกันไป
ช่วงนั้นจะต้องมาโรงพยาบาลเพื่อ
1. ทำการถ่างขยายหลอดอาหาร ด้วยการใส่ท่ออุปกรณ์.... การทำแบบนี้ก็ได้ผลในหลายๆคน แต่ในบางคนก็ทำไม่ได้เพราะอาการหนักจากการกินสารมาก หลอดอาหารเสียหายหนัก ถ่างเท่าไหร่ก็อาจจะไม่ได้ผล ในคนที่ถ่างไม่สำเร็จ ก็จะลงเอยด้วยการผ่าตัดเอาลำไส้ใหญ่(ที่ปกติมีอุจจาระอยู่) เอามาแทน (แต่การใช้งานก็ไม่ดีเท่าเดิม)
2. ทำการผ่าตัดหรือถ่างขยายหูรูดกระเพาะเพื่อให้อาหารไหลได้ ซึ่งก็เช่นเดียวกันคือถ้าการเสียหายมาก ก็แก้ไขด้วยการถ่างไม่ได้ผล ก็ต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัดในรูปแบบต่างๆกันไป
(ช่วงขั้นนี้เป็นขั้นที่หมอหลายคนลำบากใจมาก เนื่องจากคนไข้หลายคนที่รักษามักจะคิดว่าหมอทำผิดทำพลาด จึงแก้ไขความตีบของอวัยวะไม่หาย ซึ่งความจริงหลักๆก็เกิดจากความเสียหายจากการกินกรดด่างของคนไข้แต่แรก เอง....)
---------
ความทรมานลำดับที่สาม เป็นความทรมานที่จะเกิดไปอีกหลายสิบปี เนื่องจากกินลำบาก กินไม่อิ่ม เสียงอาจแหบแห้ง.... ปวดท้องเรื้อรัง ฯลฯ
---------
และนี่คือความทรมานประมาณนึงที่พอจะบอกได้ของคนที่กินน้ำยาล้างห้องน้ำ ที่กินแล้วมักไม่ตาย แต่มีผลข้างเคียงและทรมานระยะยาวมาก
คนไข้ที่เคยเจอหลายคน ทรมานและเสียใจกับการกระทำที่ได้ทำลงไป หลายคนเลือกที่จะฆ่าตัวตายครั้งต่อไปด้วยวิธีอื่น
ดังนั้นอย่ากินเลยครับ เพื่อตัวคุณเองและคนรอบข้างที่รักคุณ.......
ปล. คนที่ถามมาว่าฆ่ายังไงให้ชัวร์ ผมขอแนะนำว่าไม่ควรฆ่าตัวตายครับ เพราะว่าลำบากพวกผมต้องไปชันสูตรศพ เบื่อเหนื่อย แถมคนที่ตายยังโดนหมอตำรวจและผู้เกี่ยวข้องด่าตามหลังอีก ไม่เอาครับไม่เอา
เครดิท: http://writer.dek-ดี.com/pharjung/s.........&chapter=22
เราจะมาว่ากันด้วยการฆ่าตัวตายที่ผมเกลียดมากที่สุด นั่นคือ การฆ่าตัวตายด้วยยาล้างห้องน้ำ
การฆ่าตัวตายด้วยวิธีนี้ มักไม่ถึงตายง่ายๆ และมักจะทำให้ต้องมารับการรักษาเป็นเวลานานในโรงพยาบาล
เป็น ที่มาของความเกลียดส่วนตัว เพราะสมัยเรียนและมีผู้ป่วยเข้ามา ผมต้องมานั่งเขียนประวัติ ตรวจร่างกาย และสภาพทางจิต มานอน1วัน ตรวจเสร็จกลับบ้าน ผ่านไปสองสัปดาห์ก็จะกลับเข้ามาใหม่ ผมก็ต้องเขียนใหม่ข้อความเดิมๆ แล้วก็กลับไปอีก ผ่านไปอีกสองสัปดาห์ ก็กลับมาตรวจรักษาเพิ่มอีก ผมอยากเอาใบที่เขียนคราวก่อนๆไปxeroxแล้วเอามาแปะจริงๆ
เข้าเรื่องดีกว่า ต้องปูพื้นก่อนว่าเมื่อเรากินอาหาร อาหารจะเดินทางดังนี้คือ ปาก คอ หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ส่วนหลอดอาหาร ฝังตัวอยู่ในช่องอก ซึ่งเป็นที่ตั้งของหัวใจ
.........
ผมไม่เข้าใจว่า ความเข้าใจของคนที่จะฆ่าตัวตายเกี่ยวกับการกินยาล้างห้องน้ำแล้วตายมาจากไหน แต่เดาว่าคงมาจากละครทีวีที่ว่ากินแล้วน้ำลายฟูมปาก ซึ่งไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน แต่ที่เท็จแน่ๆคือในทีวีกินแล้วตายหมด ถ้าไม่ตายก็รอดด้วยการล้างท้อง
ครั้งแรกในชีวิตที่ได้เจอคนไข้กินยาล้างห้องน้ำมาคือ ตอนเรียนปี4 วันนั้นไปห้องฉุกเฉินและได้เห็นภาพนั้นเข้า คนไข้มีน้ำลายเปรอะตามปากและไหลมาตามแก้ม ปากแดงก่ำ
สิ่งที่คาดเดาว่าจะเกิดขึ้นคือล้างท้อง.........
นั่นคือความเชื่อของเด็กโง่ๆคนนึง ซึ่งสงสัย และได้ถามพี่ๆว่าทำไมไม่ล้างท้อง ซึ่งพี่ๆก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะกำลังง่วนกับการเขียนประวัติและเขียนใบสั่งการ รักษาให้เจาะเลือดให้น้ำเกลือ จนมีเพื่อนคนนึงพูดทำนองว่า ทำไมพวกพี่ๆเห็นการเขียนประวัติสำคัญกว่าชีวิตคน
พี่เงยหน้ามาบอกว่า ถ้าพวกผมเป็นญาติคนไข้และคนไข้ไม่ได้อยู่ในอันตรายมาก จะอธิบายขั้นตอนการรักษาให้ฟัง แต่พวกผมเป็นนศพ. เรื่องทางการแพทย์ ถ้ายังไม่มีความรู้ก็ไม่ควรวิจารณ์เพราะการแพทย์คือเรื่องของเหตุผลไม่ใช่เรื่องของความรู้สึก .......
สรุปคือ คนไข้คนนี้ ไม่ต้องทำอะไร นอนให้น้ำเกลือ เจาะเลือด แล้วก็ขึ้นตึก ผ่านไประยะนึงก็ได้ไปส่องกล้องแล้วกลับบ้าน จากนั้นนัดมาตรวจเรื่อยๆเป็นระยะ ....
.......
ต่อจากนั้นก็เป็นความทรมานที่จะเริ่มขึ้นครับ ความทรมานขั้นแรก เมื่อกินยาล้างห้องน้ำ มันจะกัดไปตามปากและคอ ไปถึงกระเพาะ จากนั้นจะตามด้วยอาการกระอักกระอ่วน ไม่มีเรี่ยวแรง
จากนั้นก็จะโดนพาไปโรงพยาบาล ไปนอนหัวสูงๆ ถูกเจาะเลือดและให้น้ำเกลือ ช่วงนี้จะรู้สึก
1.ทำไมหมอไม่ทำอะไรเลย
2. แสบคอ หิวน้ำ ปวดท้อง แต่หมอจะไม่ให้กินน้ำหรืออาหาร
3. คลื่นไส้ อาจอาเจียนได้
ความเชื่อ: กินยาล้างห้องน้ำต้องล้างท้อง (ที่มา : ละครหลังข่าว)
ความจริง: ลองนึกถึงกรดหรือด่างที่กัดพื้นผิวหลอดอาหาร กรดจะทำให้เนื้อกลายเป็นเหมือนเนื้อที่โดนต้มจนแข็ง ด่างจะละลายเนื้อดุจดั่งเนื้อที่โดนหมักจนยุ่ย
การล้างท้องต้องสอดใส่ท่อยางเข้าไปในท่ออาหาร แล้วลองนึกต่อไปว่า เมื่อสอดท่อเข้าไปในเนื้อที่แข็งหรือเนื้อยุ่ยๆที่ไม่ยืดหยุน แล้วทะลุเข้าไปในช่องอกที่มีหัวใจเต้นตุบๆอยู่...... หึหึ หัวใจก็จะโดนไปด้วยและก็ตายไปเลย และก็ห้ามกินอะไรทั้งนั้ ด้วยเหตุผลเดียวกันคืออาหารหรือน้ำที่กลืนเข้าไปอาจดันทะลุออกจากหลอดอาหาร ได้
ความเชื่อ : ต้องใส่ไข่ขาว น้ำ หรือผงถ่านเพื่อดูดซับกรด
ความจริง : ถ้าเรียนเคมีมาคงเข้าใจ ว่าของพวกนี้ไร้ค่าเมื่อเจอกับกรดและด่าง ใส่ไปให้เสี่ยงกับการทะลุเปล่าๆ นอกจากนี้ การใส่ผงถ่านยังไปเคลือบแผล ซึ่งต่อไปหากส่องกล้องเพื่อการดูแผลและหยุดเลือดก็จะทำไม่ได้เพราะมองไม่เห็น
ความจริงที่ตามมา คือ ช่วงนี้ก็จะประคับประคองตามอาการไปก่อน หากมีการทะลุหรือว่าร่างกายดูดกรดด่างเข้าไป ก็จะแก้เป็นเปลาะๆไปเช่นผ่าตัดหรือปรับระดับในเลือด
---------
ความทรมานขั้นต่อไป
หลังจากนั้น ก็จะต้องไปส่องกล้องเพื่อดูความเสียหายของหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร ถึงจะทรมาน แต่ก็ไม่ได้มากมายนัก แค่พะอืดพะอมเจ็บปากเจ็บคอไปอีกหลายวัน หลังจากนั้นก็จะออกจากโรงพยาบาล จะเริ่มกินข้าวหรือของโตๆไม่ได้ ต่อมาจะกินข้าวต้มได้อย่างเดียว และหลอดอาหารจะตีบจนกินได้แต่น้ำ
บางคนหลอดอาหารอาจโชคดีไม่โดน แต่หูรูดกระเพาะจะโดน จนมันบวมโต ทำให้อาหารเข้าสู่ลำไส้ได้ยาก จะมีอาการหิวแต่กินไม่ได้ เพราะกินนิดเดียวก็จะอิ่ม ท้องอืดแน่น เรียกว่าหิวและอิ่มพร้อมๆกันไป
ช่วงนั้นจะต้องมาโรงพยาบาลเพื่อ
1. ทำการถ่างขยายหลอดอาหาร ด้วยการใส่ท่ออุปกรณ์.... การทำแบบนี้ก็ได้ผลในหลายๆคน แต่ในบางคนก็ทำไม่ได้เพราะอาการหนักจากการกินสารมาก หลอดอาหารเสียหายหนัก ถ่างเท่าไหร่ก็อาจจะไม่ได้ผล ในคนที่ถ่างไม่สำเร็จ ก็จะลงเอยด้วยการผ่าตัดเอาลำไส้ใหญ่(ที่ปกติมีอุจจาระอยู่) เอามาแทน (แต่การใช้งานก็ไม่ดีเท่าเดิม)
2. ทำการผ่าตัดหรือถ่างขยายหูรูดกระเพาะเพื่อให้อาหารไหลได้ ซึ่งก็เช่นเดียวกันคือถ้าการเสียหายมาก ก็แก้ไขด้วยการถ่างไม่ได้ผล ก็ต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัดในรูปแบบต่างๆกันไป
(ช่วงขั้นนี้เป็นขั้นที่หมอหลายคนลำบากใจมาก เนื่องจากคนไข้หลายคนที่รักษามักจะคิดว่าหมอทำผิดทำพลาด จึงแก้ไขความตีบของอวัยวะไม่หาย ซึ่งความจริงหลักๆก็เกิดจากความเสียหายจากการกินกรดด่างของคนไข้แต่แรก เอง....)
---------
ความทรมานลำดับที่สาม เป็นความทรมานที่จะเกิดไปอีกหลายสิบปี เนื่องจากกินลำบาก กินไม่อิ่ม เสียงอาจแหบแห้ง.... ปวดท้องเรื้อรัง ฯลฯ
---------
และนี่คือความทรมานประมาณนึงที่พอจะบอกได้ของคนที่กินน้ำยาล้างห้องน้ำ ที่กินแล้วมักไม่ตาย แต่มีผลข้างเคียงและทรมานระยะยาวมาก
คนไข้ที่เคยเจอหลายคน ทรมานและเสียใจกับการกระทำที่ได้ทำลงไป หลายคนเลือกที่จะฆ่าตัวตายครั้งต่อไปด้วยวิธีอื่น
ดังนั้นอย่ากินเลยครับ เพื่อตัวคุณเองและคนรอบข้างที่รักคุณ.......
ปล. คนที่ถามมาว่าฆ่ายังไงให้ชัวร์ ผมขอแนะนำว่าไม่ควรฆ่าตัวตายครับ เพราะว่าลำบากพวกผมต้องไปชันสูตรศพ เบื่อเหนื่อย แถมคนที่ตายยังโดนหมอตำรวจและผู้เกี่ยวข้องด่าตามหลังอีก ไม่เอาครับไม่เอา
เครดิท: http://writer.dek-ดี.com/pharjung/s.........&chapter=22
เลขไอพี : ไม่แสดง
มุมสมาชิก กระทู้ล่าสุดโดย ต.เต่าตัวเตี้ย
- มาช่วยกันนะ 1 แชร์ = 1 มื้ออาหาร ให้น้องหมาไร้บ้าน (เบ็ดเตล็ด)
- มาโชว์ห้องนอนเรากัน (เบ็ดเตล็ด)
- มาจุดเทียนชัยถวายพระพรผ่านเว็ปกันเถอะ (เบ็ดเตล็ด)
- เดินตัดหน้ารถเทรลเลอร์18+ (เบ็ดเตล็ด)
- 36 ชั่วโมง ชีวิตแพทย์ใช้ทุน (เบ็ดเตล็ด)
- [Fairy Tail] หนังสือคูสร้างคู่สมพาดพิงถึงแฟรี่ว่าเป็น"การ์ตูนเคลือบยาพิษ" (เบ็ดเตล็ด)
- กระทู้โดย ต.เต่าตัวเตี้ย ทั้งหมด
แสดงกระทู้ล่าสุดโดยเปิด มุมสมาชิก และเลือกแสดงกระทู้ที่ตั้ง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ว่าลำบากพวกผมต้องไปชันสูตรศพ เบื่อเหนื่อย แถมคนที่ตายยังโดนหมอตำรวจและผู้เกี่ยวข้องด่าตามหลังอีก ไม่เอาครับไม่เอา ชอบตรงนี้อะ
ไอพี: ไม่แสดง
อย่าริคิดจะฆ่าตัวตายเลยค่ะ โดยเฉพาะไ.อ้พวกอกหักแล้วจะฆ่าตัวตายเนี่ย
ไม่คิดถึงพ่อกับแม่บ้างเหรอไง ที่เลี้บงดูมาได้ขนาดนี้
บาปที่หนักที่สุดของการอกตัญญูคือการฆ่าตัวตาย
เคยมีคนเคยบอกไว้ว่าถ้าคุณฆ่าตัวตาย
คุณจะต้องฆ่าตัวคุณเองตายทุกวันหลังจากเป็นวิญญาณวันละ5ร้อยครั้ง
เช่นถ้าคุณแขวนคอตาย คุณก็จะลุกไปแขวนคอตัวเองตายและทรมานแบบนี้ไปวันละห้าร้อยครั้ง ทำอย่างงี้ไปทุกวันจนกว่าจะถึงวันหมดอายุขัยของคุณ แล้วก็ไปชดใช้กรรมต่อหลังจากนั้น
เพราะฉะนั้นจะทำอะไรคิดถึงหัวอกของพ่อแม่ก่อนเนอะ
ไอพี: ไม่แสดง
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google