Special day ★HBD My Queen!! Christina Aguilera
เพราะหลังๆมานี้ยุคสมัยก็เปลี่ยนคนก็เปลี่ยนเด็กก็ชอบฟังเพลงใสๆโลกสวยชอบนักร้องที่หน้าตาบ้างแฟชั่นบ้าง" ชอบเมคอัพก็ยังมี ! " #ป่าวแซะโน๊ะ อิอิ คราวนี้เลยกลายเป็นว่าพอพูดถึง Christina Aguilera คนไทยเข้าใจไปว่าป้าติ๊นา อากีล่าของไทย แอร๊ เงิบเว่อวีว่าเลยค่ะทีนี้ 555555
Christina มีชื่อเต็มว่า Christina Maria Aguilera เกิดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม คศ.1980 Staten Island, New York พ่อของ Christina คือ Fausto Wagner Xavier Aguilera
เป็นทหารประจำการ US Army แม่คือ Shelly Loraine เป็นคุณครูสอนภาษาสเปน
พ่อแม่ของติ๊ได้หย่าร้างกันตอนติ๊อายุได้ 7 ขวบ
หลังจากนั้นติ๊กับราเชล (น้องสาว)ได้ย้ายมาอยู่กับแม่ที่เพนซิลเวเนียซึ่งเป็นบ้านเกิดของแม่
และความสัมพันธ์ของติ๊กับพ่อก็ไม่ค่อยดีนัก ตอนเด็กๆเธอบอกว่าโดนพ่อตบจนเลือดกลบปากแต่พ่อปฏิเสธว่าไม่ได้ทำแล้วบอกว่าตอนนั้นติ๊เป็นเด็กเลยพูดเกินจริง
ทำให้เธอแต่งเพลงหลายเพลงขึ้นมาเพื่อตัดพ้อพ่อของเธอ และเพลง Oh mother ที่มีเนื้อหาแต่งถึงแม่ของเธอที่ถูกพ่อทำร้ายอยู่บ่อยๆ ซึ่งเมื่อพ่อของเธอได้ฟังเพลงเหล่านั้นเขาก็เขียนจดหมายกลับมาให้เธอ มีเนื้อความสำนึกผิดและเสียใจที่ได้ทำสิ่งเลวร้ายเหล่านั้นลงไป ซึ่งคริสติน่าก็บอกว่าให้อภัยแล้ว แต่ความเจ็บนั้นมันก็คงฝังใจไม่มีวันลืม
ไลฟ์นี้เป็นไลฟ์แรกของเพลง Oh mother ซึ่งเธอบอกว่าเธอไม่เคยร้องที่ไหน เพราะมันทำให้ให้หวนคิดถึงอดีตอันเจ็บปวด ติ๊ร้องไห้ด้วย ..
http://youtu.be/2yygjahV-x0
Christina รักการร้องเพลงตั้งแต่ยังเด็กมากเคยประกวดในรายการ Star Search เมื่อปี 1988 ตอนนั้นเธออายุ 8 ขวบ
วันนั้นคริสติน่าได้ร้องเพลง A Sunday Kind of Love ของ Etta James ผู้เป็นแรงบรรดาลใจของเธอ
http://youtu.be/S_YRNGrQ-n0
คลิปชนะการประกวด http://youtu.be/YPtPsy4_XVw
คริสติน่าประสบณ์ความสำเร็จในวงการดนตรีครั้งแรกในญี่ปุ่นตอนอายุ 14 ปีเธอได้ร้องเพลงร่วมกับ เคอิโสะ นากานิ (เพลงปล่อยออกมาตอนเธออายุ 17 ปี)
Christina Aguilera & Keizo Nakanishi - All I Wanna Do
http://youtu.be/uMlhLRYIRrM
ต่อมาในปี 1998 คริสติน่ายังได้รับโอกาสที่ถือเป็นก้าวแรกของเธอในเส้นทางการเป็นนักร้องเมื่อติ๊ได้ข่าวว่า Disney ต้องการนักร้องเพื่อร้องเพลง ประกอบภาพยนตร์การ์ตูน Mulan เธอก็ส่งเดโม่ของเธอที่ร้องเพลง Run to You ของ Whitney Houston ไปออดิชั่นด้วยแล้วเธอก็ได้รับเลือก นั่นคือเพลง Reflection
ซึ่งเพลงนี้ได้เข้าชิง Golden Globe Award สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย
http://youtu.be/h8GUCQQZS64
จากเดโม่ที่เธอส่งไปออดิชั่นครั้งนั้นโปรดิวเซอร์ชื่อดัง Ron Fair มาสนใจเข้าทำให้ติ๊ได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินในค่าย RCA อย่างเป็นทางการ
จนในที่สุดก็ได้มีอัลบั้มเป็นของตัวเอง ในปี 1999 อัลบั้มแรกของเธอคือ อัลบั้ม Christina Aguilera ซิงเกิ้ลโปรโมตของอัลบั้มนี้คือ Genie In A Bottle, What a Girl Wants, Come on Over Baby (All I Want Is You) และI Turn To You
ซึ่งอัลบั้มนี้กระแสตอบรับดีมากและทำให้โลกได้รู้จักกับ " Christina Aguilera " สาวน้อยวัยรุ่นสดใสน่ารักตามแบบฉบับ American dream
Christina Aguilera- Christina Aguilera (Full Album)
http://youtu.be/fYSdJjndY_U
ในตอนนั้นเธอก็โดนกระแสเปรียบเทียบกับบริทนีย์ สเปียร์ไม่น้อยเพราะออกอัลบั้มไล่เลี่ยกัน เป็นสาวผมบลอนด์ร่างเล็กและแนวเพลงป็อปเหมือนกันอีก
แต่เธอก็พิสูจน์ให้โลกได้เห็นความสามารถของเธอจนในที่สุดเธอได้รับรางวัล Grammy Award ครั้งที่ 42 สาขา Best New Artist
น่ารักกกกกก ><
ในปี 2000 เป็นปีที่กระแสเพลงละตินกำลังมาแรงมาก เธอจึงมีอัลบั้มพิเศษภาษาสเปนเป็นของตัวเองชื่ออัลบั้ม Mi Reflejo
ซึ่งอัลบั้มนี้ประสบณ์ความสำเร็จในแถบละตินอย่างมาก ส่งผลให้คริสติน่าเป็น the highest female debut of all time ในละตินชาร์ต
เธอประสบณ์ความสำเร็จในแถบละตินจนได้รับรางวัล Best Female Pop Vocal Album จาก Latin Grammy Award ในปี 2001
Christina Aguilera - Mi Reflejo (Full Album)
http://youtu.be/fqpl0F3K1IY
ในปีเดียวกันนี้ (ปี 2000) คริสติน่าก็ได้ออกอัลบั้มพิเศษอีกชุดคือ My Kind of Christmas และยังได้ร่วมร้องเพลง Nobody Wants To Be Lonely กับ ริคกี้ มาร์ติน อีกด้วย
ตัวอย่างเพลงจากอัลบั้ม http://youtu.be/xBhbDSUyckY
ในปี 2000-2001 มีทัวร์ครั้งแรกคือ Christina Aguilera: In Concert Tour 81 รอบทั่วโลก
http://youtu.be/JypMOOjI5D0
ปี 2001 คริสติน่าได้ร่วมงานกับ Lil' Kim,Mya และ Pink ออกซิงเกิ้ลประกอบภาพยนตร์เรื่อง Moulin Rough ในเพลง "Lady Marmalade" ซึ่งต้นฉบับนั้นเป็นของ patti labelle(1975) ตัวซิงเกิ้ลประสบความสำเร็จอย่างสูงขึ้นถึงอันดับหนึ่งในชาร์ตบิลบอร์ดและยังได้รับรางวัล Grammy สาขา Best Pop Collaboration with Vocals ร่วมกันสี่คนอีกด้วย
ในปี 2002 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกผันครั้งยิ่งใหญ่ของเธอ เธอขอร้อง Ron Fair โปรดิวเซอร์จากอัลบั้มแรกของเธอว่าอัลบั้มที่สองนี้เธอขอเป็นตัวของเธอเอง ขอทำเพลงด้วยตัวเองคริสติน่าจึงเริ่มงานเพลงชุดใหม่โดยมีตัวเธอเองเป็นโปรดิวเซอร์หลักควบคุมงานเองทั้งหมด อัลบั้มที่สองอย่างเป็นทางการของคริสติน่าคืออัลบั้ม Stripped ซึ่งเป็นอัลบั้มที่เปลี่ยนมุมมองที่ทุกคนมีต่อเธอไปตลอดการจากสาวน้อยใสๆ เป็น american's sweetheart ไปสู่ลุคสาวซ่าและแซ่บเว่อ sexy and dirrty bitch สุดๆ จนแฟนคลับบางคนเรียกจิกกัดถึงขั้น SlutTina เลยทีเดียว 55
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นที่ฮือฮาอย่างมากเพราะไม่เคยมีสาวน้อยป็อปใสคนไหนกล้าเปลี่ยนลุคโดยใช้เรื่องเพศมาเป็นจุดขายอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้
เธอเปลี่ยนจากสาวผมบลอนด์ ผิวขาว มาทำผมดำ ผิวแทน และเรียกตัวเองว่า Xtina ส่งผลให้แฟนเพลงของคริสติน่าหายไปเป็นจำนวนมากและทำให้เกิดทั้งกระแสแอนตี้และชื่นชอบ Xtina ขึ้นมามากมาย
บางคนที่เคยเป็นแฟนคลับตอนที่เธอเป็นสาวใสไอดอลตามแบบฉบับ American dream Baby Jane ถ้ารับไม่ได้ก็อาจกลายเป็น antifans ของเธอไปเลย
ส่วนคนที่ชอบเธอส่วนใหญ่ก็มักจะกลายมาเป็นแฟนคลับเหนียวแน่นอัลบั้มนี้จึงเหมือนเป็นการจัดระเบียบแฟนคลับของเธออย่างจริงจังไปในตัว
ซิงเกิ้ลแรกของเธอคือเพลง Dirrty ได้ rapper ชื่อดัง Redman มาร่วมฟีทเจอร์ริ่งด้วย เพลงนี้ไม่ประสบณ์ความสำเร็จในชาร์ต USA มากนัก แต่กลับประสบณ์ความสำเร็จใน Worldwide มากกว่า
Christina Aguilera- Stripped (Full Album)
http://youtu.be/IQLY_kj0ENY
สกปรกจัง ยี๊ 55555
ซิงเกิ้ลที่ 2 ของอัลบั้มนี้คือเพลง Beautiful ซึ่งถือเป็นเพลงที่มีเนื้อหาให้กำลังใจคนที่ท้อแท้ให้กลับมาสู้อีกครั้ง อินเนอร์จัดมาก
แต่งโดยลินดา เพอร์รี่ ซึ่งตอนแรกลินดาจะให้เพลงนี้กับพิ้งค์แต่ลินดาคิดว่าคริสติน่าเหมาะสมกว่าจึงมอบให้คริสติน่าแทน
จากเพลงนี้ทำให้คริสติน่าได้รับรางวัล Grammy 45 สาขา Best Female Pop Vocal Performance
ซิงเกิ้ลต่อมาคือ Fighter,Can't Hold Us Down และ The Voice Within เลอค่ามากอัลบั้มนี้ จขกท.รักมากรักมากกกกก
เพลงโปรด Impossible เลอค่าแบบพีคเว่อสุด <3 http://youtu.be/xtNQ185niis
คริสติน่าได้เริ่มทัวร์อัลบั้มที่ 2 ของเธอครั้งนี้โดยเริ่มแรกร่วมทัวร์กับ Justin Timberlake ในชื่อ Justified & Stripped Tour
เพื่อ support อัลบั้ม Justified ซึ่งเป็นอัลบั้มแรกของจัสตินร่วมทัวร์ด้วยกันในทวีปอเมริกาเหนือเท่านั้น รวม 45 รอบ
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ต่อมาก็ได้แยกกันไปทัวร์รอบโลกคริสติน่าเปลี่ยนมาใช้ชื่อทัวร์ว่า Stripped world Tour ซึ่งทัวร์ครั้งนี้ก็มาเอเชียแค่ญี่ปุ่นอีกครั้งและได้รับกระแสตอบรับอย่างดีมากจากแฟนเพลงชาวยุโรปรอบทัวร์ทั้งหมด 48 รอบ (รวมอเมริกาเหนือเท่ากับ 93 รอบ)
Stripped Tour Live in UK
http://youtu.be/AuEyFRHH0hM
ในปี 2003 ในงาน Tribute to Madonna @MTV Video Music Awards คริสติน่าและบริทนีย์ได้ร่วมขึ้นแสดงวันนั้นกับมาดอนน่าด้วยในเพลง Like a Virgin & Hollywood
แต่ก็เกิดเหตุการณ์ตื่นตาตื่นใจขึ้น เมื่อบริทนี่ย์ มาดอนน่า และคริสติน่า จูบปากกันกลางเวที เหมือนเป็นการสื่อว่านักร้องป๊อบรุ่นเยาว์ได้เติบโตเป็นสาวกันหมดแล้ว
ในช่วงปี 2005 นั้นถือเป็นช่วงที่เธอมีความสุขมากเพราะนอกจากการงานจะไปได้สวยแล้วเธอยังได้พบรักกับ Jordan Bratman เป็น music marketer
เขาและเธอได้ตกลงหมั้นกันในวันที่ 11 กพ. 2005 และได้จัดงานแต่งงานขึ้นในวันที่ 19 พย. ปีเดียวกันนี้ ที่ Napa County,California
Save me from myself เธอแต่งขึ้นเพื่อเป็นการขอบคุณแฟนๆและจอร์แดนสามีของเธอ http://youtu.be/HYxmS4UNrWY
ภาพวันแต่งงานค่ะ
อุ๊ย! ไม่ใช่นิ ลงผิดๆ ขำมั๊ย .. ไม่ 555555555
ของจริงค่าาา สีหน้าแช่มชื่นเหลือคณา
ตั้งแต่ช่วงหลังๆของจากปิดอัลบั้ม Stripped ไปแล้วนั้น คริสติน่าค่อนข้างมีแรงบันดาลใจจากมาริลิน มอนโรลและแฟชั่นช่วง 20s40s
และเธอยังมีแรงบันดาลใจจากเพลง jazz, blues และ soul เป็นพิเศษ ซึ่งอัลบั้มนี้ก็เปลี่ยนลุคของคริสติน่าอีกครั้ง จากสาวน้อยใสๆ มาเป็น Sexy dirrty และครั้งนี้เธอเปลี่ยนมาเป็นสาว Classy ผมบลอนด์ ดัดผมแบบสาวๆยุค 20s40s ซึ่งแสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่สามอย่างเป็นทางการ ชื่ออัลบั้ม Back to Basics อัลบั้มปล่อยออกมาในช่วงกลางปี 2006
และเพลงในอัลบั้มค่อนข้างเป็นเพลงที่เป็นสไตล์ที่เธอชอบ ซึ่งอัลบั้มนี้ถือเป็นการ Tribute ต่อแนวเพลง jazz, blues และ soulเลยก็ว่าได้
อัลบั้มนี้ได้รับการรีวิวจากแม็กกาซีนและเว็บไซต์ต่างๆคะแนนค่อนข้างสูงกว่าอัลบั้มอื่นมาก ดูเหมือนว่าจะเป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด
เพราะตอนนั้นนางมีกำลังใจในการทำงานเต็มเปี่ยม inspiration ของนางก็คือสามี อัลบั้มนี้จึงถือเป็นการเฉลิมฉลองความรักของเลยทีเดียว
ซิงเกิ้ลในอัลบั้มนี้คือ Ain't No Other Man,Hurt,Candyman,Slow Down Baby และ Oh Mother
Christina Aguilera- Back to Basics (Full Album)http://youtu.be/V_jDacB_umA
และเพลง Ain't No Other Man ก็ส่งผลให้เธอได้ Grammy Awards 49 อีกครั้ง ในสาขา Best Female Pop Vocal Performance
อัลบั้มนี้คริสติน่าไม่ค่อยได้ใช้เวลาโปรโมตเท่าไหร่เพราะเปิดอัลบั้มไม่กี่เดือนต่อมาก็ออกทัวร์ทันที คริสติน่าเริ่มทัวร์ในช่วงปลายปี 2006
รวบรอบทั้งหมด 80 รอบ ซึ่งรอบนี้มาไทย !!!!!!! ถามว่าจขกท.ได้ไปมั๊ย .. ไม่ เพราะยังเป็นเด็กด๋อยไม่สามารถฝืนความประสงค์ของพ่อแม่ได้ เลยนั่งเฉาตายซากรอไลฟ์อยู่กับบ้านค่ะ ณ จุดนี้ //ข้ามไป TT w TT
Back to basic Tour Full Show
http://youtu.be/sA16ydLy6Is
ในวันที่ 12 มกราคม 2008 คริสติน่าได้ให้กำเนิดลูกชาย Max Liron Bratman
ในช่วงท้ายปีเดียวกันนั้น RCA Records ก็ได้ปล่อยอัลบั้มพิเศษของคริสติน่าอออกมาอีกชื่อว่า Keeps Gettin' Better: A Decade of Hits
เป็นอัลบั้มรวมฮิตเพลงของเธอ และได้มีเพลงที่แต่งขึ้นใหม่และเพลงเก่าที่นำมาทำใหม่ด้วย ซึ่งพีคอันดับ 7 ใน Billboard Hot 100
โดยส่วนตัวจขกท.ชอบโฟโต้ชูทอัลบั้มนี้มาก สวยใสแซ่บแอ๊บโลกสวยแบบลงตัว
เหมือนบาร์บี้เลย แอร๊ยยยยย
อัลบั้มต่อมาคือ Bionic ในปี 2010 เป็นอัลบั้มอย่างเป็นทางการอัลบั้มที่ 4 ของเธอ อัลบั้มนี้เธอได้แรงบันดาลใจจากแนวเพลง Electronic และลูกชาย Max
อัลบั้มนี้ได้รับกระแสการตอบรับไม่ดีนักเนื่องด้วยองค์ประกอบอะไรหลายๆอย่าง ตามความคิดจขกท.คือมันดูแหกกรอบเกินไปดูฉีกแนวมากไปดูฝืนทั้งๆที่ทำเพลงแบบอื่นได้ดีกว่านี้ รวมไปถึงการเลือกเพลงโปรโมทและเรื่องการตัดซิงเกิ้ลเพลงโปรโมตของอัลบั้มซึ่งคือ Bionic เป็นอะไรที่ง่อยและจับฉ่ายมากสำหรับจขกท.ฟังเป็นร้อยรอบก็ยังไม่ติดหู พังค่ะพังฟลอบติ๊นาของแท้ ประกอบกับช่วงนั้นเป็นช่วงขาลงความรักเกิดร้าวฉานแยกกันอยู่กับสามีมานานพอควร สุดท้ายก็หย่ากันในปี 2011
จึงทำให้เหมือนเป็นขาลงขีดสุดไม่ค่อยสนใจทำงาน เพลงที่ดูมีคุณค่าขึ้นมาบ้างจากอัลบั้มนี้ก็พอมี
เพลงไม่ได้ Electronic มากและก็ยังคงความเป็น Christina Aguilera ไว้
เพลงช้ามีไม่กี่เพลงแต่พราะทุกเพลง You lost me, I am, All i need, Lift Me Up
ซิงเกิ้ลที่ปล่อยออกมาคือ Not Myself Tonight, Woohoo,You Lost Me, I Hate Boys ยอดขายก็ไม่ได้แย่เมื่อเทียบกับนักร้องคนอื่นเหมือนจะดีกว่าด้วยซ้ำแต่ถ้าเปรียบเทียบในมุมมองของคำว่า Diva Aguilera แล้วมันอาจจะดูด้อยไปสักนิด
Christina Aguilera- Bionic Deluxe Edition (Full Album)
http://youtu.be/cXzN23ptVaQ
Christina Aguilera - Not Myself Tonight Live @Regis And Kelly http://youtu.be/mKQGRaR2wJM
แต่ปี 2010 ก็ไม่ใช่ขาลงของคริสติน่าซะทีเดียวยังพอจะมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นอยู่บ้างนั่นคือในปีนั้นเธอได้รับเกียรติให้มีชื่ออยู่บน Hollywood Walk of Fame
และในปีเดียวกันนี้เธอยังได้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตคือเรื่อง Burlesque เธอแสดงร่วมกับนักแสดงและนักร้องมืออาชีพอย่าง Cher,Kristen Bell,Cam Gigandet คริสติน่ารับบทเป็น Ali Rose สาวน้อยจากบ้านนอกเข้าเมืองมาตามหาความฝัน จนมาทำงานในบาร์เบอร์เลสและช่วย Tess(Cher) เจ้าของบาร์แก้ปัญหาต่างๆนานาที่เข้ามาเป็นอุปสรรค
หลังจากเดินสายโปรโมตหนังจบลงแล้วเธอก็ได้รับเกียรติเป็น Coach ในรายการประกวดร้องเพลง The Voice ร่วมกับนักร้องคุณภาพ Blake Shelton, CeeLo Green และ Adam Levine วง Maroon5
คริสติน่าได้เป็นโค้ชในซีซั่นที่ 1-3 ของรายการ แต่เธอคิดว่าจะขอลาพักในซีซั่น 4 ที่จะมาในสปริงหน้านี้ไว้ก่อน เพื่อหาแรงบรรดาลใจใหม่ๆและโปรโมตงานเพลง
ซึ่ง Ceelo Green ก็ขอหยุดพักในซีซั่น 4 ด้วนเช่นกัน และจะได้ Shakira & Usher มาแทน แต่ทั้งสองคนก็จะกลับมาใหม่ในซีซั่นที่ 5
เมื่อพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้เธอก็ได้ปล่อยอัลบั้มอย่างเป็นทางการอัลบั้มล่าสุดมานั่นคืออัลบั้ม Lotus คริสติน่ากล่าวไว้ว่าที่เธอเลือก Lotus มาเป็นชื่ออัลบั้มใหม่นี้เพราะ Lotus เป็น Unbreakable Flower ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ใต้โคลน ในน้ำ เหนือน้ำ มันก็ไม่ยอมแพ้และสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เหมือนกับตัวเธอเองที่ไม่ว่าจะมีอุปสรรคมามากมายเท่าไหร่ก็ไม่ท้อถอยไม่ยอมแพ้
และคริสติน่ายังกล่าวอีกว่าเธอคิดว่าเด็กรุ่นใหม่ๆก็คงไม่รู้จักเพลงเก่าๆของเธอเช่น Genie in a bottle ซึ่งก็ประมาณ13-14ปีเข้าไปแล้ว
เธอจึงอยากให้อัลบั้มนี้เป็นการ rebirth เพลงค่อนข้างเอาใจตลาดมากแต่อย่างที่รู้กันว่าถึงแนวเพลงจะดียังไงก็แล้วแต่ แต่เมื่อศิลปินไม่ได้มีรูปลักษณ์สวยแบบแต่ก่อนแล้วแฟนเพลงที่ยังยึดติดกับรูปลักษณ์ศฺลปินก็มีอยู่จำนวนไม่น้อยตามความคิดจขกท.นี่เป็นส่วนหนึ่งที่กระแสความดังความบูมของคริสติน่าไม่เหมือนแต่ก่อนเหลือไว้แต่เพียงแฟนคลับที่ยึดมั่นและรักในตัวตนของคริสติน่าเท่านั้น..
เพลงช้าอัลบั้มนี้แสดงออกถึงแนวเพลงเก่าๆอย่างชัดเจนเนื้อหากินใจในไลฟ์ใช้อินเนอร์ รักมากค่ะ แสดงถึงจุดเด่นได้ดีไม่ค่อยมีโมเม้นแหกปากพร่ำเพรื่อโชว์พาวเวอร์อวดพลังเสียงแบบอัลบั้มที่ผ่านๆมาเท่าไหร่ ไม่ปลื้มนิดนึงขอหักสิบดาว ความจริงถ้านางจะทำเพลงแบบดูอายุอานามบ้างจะดีมากทีเดียวเอาให้ลีเจ้นจริงจังไปเลยไม่มีใครสามารถต้านอะไรแบบนั้น นี่อะไรไม่รู้ 32 ล้ะมาร้องเพลงแบบเด็กสาวใจแตก แต่ไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะ อิอิ
ซิงเกิ้ลแรกที่ปล่อยออกมาคือ Your Body ซิงเกิ้ลที่สองคือ Just a Fool ซึ่งอัลบั้มนี้ไม่ค่อยประสบณ์ความสำเร็จทั้งในชาร์ตและยอดขายเท่าที่ควรเพราะมีเพียงแฟนคลับที่คอยสนับสนุนอยู่เท่านั้นไม่สามารถเรียกเรตติ้งหรือดึงความสนใจได้มากนัก การโปรโมตก็จับฉ่ายอีกเช่นเคยจับจุดไม่ได้ว่าควรทำอะไรบ้างเพื่อนคุณภาพชีวิต -_- ตัด Your Body เป็นซิงเกิ้ลแรกแต่ไม่มีไลฟ์อย่างเป็นทางการสักแอะ ส่วนเพลงที่ไม่น่าจะขายได้นี่เอาไปเต้นแร้งเต้นกาที่ AMA ชอบนะแต่มันไม่เวิร์ค
ยอดขายในเมกาไม่ค่อยดี ยอดขาย worldwide ดีกว่ามาก แต่ก็ยังไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็นนางเป็นประเภทแป้กก็แป้ก แป้กแล้วปล่อยโลด อยากให้สู้ ! ..
Christina Aguilera - Lotus - Full Deluxe Album Edition
http://youtu.be/uemwJIvkMmg
แต่ด้วยความเป็นลีเจ้นและคุณงามความดีที่เธอได้สั่งสมมาส่งผลให้เธอได้รับเกียรติสูงสุดจาก ALMA Awards 2012 เธอได้รับรางวัล Special Achievement Award
จากความสามารถในการร้องเพลงของเธอและยังอุทิศตนเพื่องานการกุศล ในวันนั้นเธอก็ได้ถูกขนานนามว่าเป็น The voice of generation จขกท.รักและภูมิใจในตัวติ๊มากกกกกกกวันที่ดูถ่ายทอดร้องไห้หนักและนานมาก ดีใจกับมันสุดชีวิตเลยจริงๆ TT _ TT
Christina Aguilera - (ALMA Awards 2012)
http://youtu.be/WfLRhDx9cuA
จากงานการกุศลหลายอย่างที่คริสติน่าทำมานานก็ส่งผลให้นาง Hillary Clinton เห็นถึงการเสียสละและอุทิศตนนี้จึงมอบรางวัล the George McGovern Leadership Award ให้เธอในฐานะที่เธอเป็นกระบอกเสียงให้กับโครงการ World Hunger Relief
กาลเวลาเดินทางมาร่วมสิบกว่าปีจนถึงวันนี้สำหรับจขกท.คำว่า Christina Aguilera เป็นความสุข เป็นความภูมิใจ เป็นความรักความผูกพันธ์ และเป็นแรงบันดาลใจ ทุกครั้งที่รู้สึกแย่หรือมีปัญหาเข้ามาก็จะเตือนตัวเองให้นึกถึงติ๊เสมอว่าเธอก็ผ่านอะไรมามากมาย แต่เธอก็สามารถเอาชนะและผ่านมันมาได้
เธอเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นมาเป็นแรงผลักดันก้าวไปสู่ความสำเร็จและคิดว่าอุปสรรคเหล่านั้นคือสิ่งที่ทำให้เธอยืนหยัดเข้มแข็งอย่างทุกวันนี้ ทุกเพลงที่เธอร้อง ทุกเพลงที่เธอเขียน มันคือส่วนหนึ่งของชีวิตเธอไม่ว่าจะดีหรือร้าย เธอยอมรับมันและกล้าหาญที่จะเดินหน้าต่อไปอย่างเข้มแข็ง เธอพูดเสมอว่าความสุขของเธอไม่ใช่การที่ขายอัลบั้มได้เยอะๆ ต่อให้เธอจะขายได้แค่ 1 แผ่น เธอก็ดีใจ เธอทำเพลงออกมาจากใจ และมีความสุขที่ได้ทำก็พอแล้ว คริสติน่าเคยพูดในรายการทีวีรายการหนึ่งไว้ว่า เธอมักจะออกมาที่ระเบียงที่บ้านตอนเป็นเด็ก และอธิษฐานขอพรต่อพระเจ้าเสมอ
เธออธิษฐานว่า ขอให้เธอได้เป็นนักร้องที่มีชื่อเสียง และในที่สุด.. พระเจ้าก็ได้ตอบคำอธิษฐานของเธอแล้ว =]
สุดท้ายนี้ก็อยากเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่รักติ๊ไม่ว่านางจะไม่ผอมไม่สวยเหมือนแต่ก่อนตามแบบฉบับ Baby jane หรือ American dream ครอบครัว Fighter ก็ยังคงรักและสนับสนุนติ๊ต่อไปอย่างไม่มีข้อแม้ " We are beautiful no matter what they say "
Thanks for making me a Fighter Thanks for everything My Queen <3
in my mind
LegendTina Godilera !
ขอขอบคุณข้อมูลและเนื้อหาบางส่วนจากพี่ลูกไม้ค่ะ
Happy Birthday Christina Aguilera
ฉันชอบกระทู้นี้จัง ศรัทธาในตัวนางตั้งแต่ก่อนจนถึงปัจจุบัน รักนาง
HBD Christina Aguilera
เรายอมรับว่าเป็นติ่งนางชอบเสียงนางมากเลย
แม้ว่ารูปร่างนางจะเปลี่ยนไปยังไงก็ยังรักนางที่คุณภาพของนาง
รักติ๊เสมอไม่ว่ามันจะบิช จะแป้ก จะยังไงก็ตามแต่ รักความไม่เพอร์เฟ็คของมัน
รักมันตอนผอม รักมันตอนอ้วน รักมันทุกตอน
ก็ไม่รู้จะอวยพรอะไร แค่จะขอบอกว่ายังไงก็เป็นแฟนคลับเดนตาย ไม่มีวันทิ้งมันอยู่แล้ว
ขอให้มันผ่านสิ่งร้ายไปให้ได้ และทำเพลงดีๆให้แฟนๆฟังไปนานๆ
รักนางมากกก ก เป็นแรงบันดาลใจ เป็นทุกอย่างแบบ สุดๆอ่ะ ศิลปินคุณภาพ ในชีวิตมีศิลปินไม่กี่คนที่ปลื้มเทิดทูนขนาดนี้ เป็นแฟนคลับตลอดไป
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google