โซนี่ยกเลิกการฉาย The Interview หลังถูกขู่ก่อการร้าย

โซนี่ยกเลิกการฉายThe Interview หนังตลกเกี่ยวกับการลอบสังหาร คิมจองอึน ที่แสดงโดย Seth Rogen และJames Franco ที่เดิมทีมีกำหนดฉายวันคริสมาสต์ หลังจากที่โรงภาพยนตร์ที่เดิมทีมีแผนจะจัดฉายThe Interview รอบปฐมทัศน์ถูกขู่ว่าจะเจอกับ เหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกับ 9/11 ทางผู้บริหารโรงภาพยนตร์เลยตัดสินใจยกเลิกการฉายหนังตลกเรื่องนี้ แม้ว่าตอนนั้นโซนี่จะไม่ได้เป็นผู้ขอยกเลิกเอง แต่ภายหลัง (หลังจากบอบช้ำกับการถูกแฮกครั้งยิ่งใหญ่ แถมถูกขู่ก่อการร้ายอีก) ทางโซนี่จึงขอยกเลิกการออกฉายเองในภายหลัง


ตัวสองนักแสดงหลักSeth Rogen และ James Franco ก็เก็บตัวเงียบ ยกเลิกตารางออกสื่อทั้งหมด จนเมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งปรากฏตัวในที่สาธารณะครั้งแรกหลังจากเหตุการณ์เริ่มบานปลายในสภาพที่มีบอดี้การ์ดล้อมหน้าล้อมหลัง


อีกทั้งหนังเกี่ยวกับเกาหลีเหนืออีกเรื่องที่เคยมีแผนจะสร้าง เรื่อง Pyongyang ที่จะแสดงโดย Steve Carell ก็ถูกยกเลิกหลังจากโซนี่โดนแฮก ตัว Steve Carell เองก็ทวีตถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า "ช่างน่าเศร้าสำหรับการแสดงออกของความคิดสร้างสรรค์"



คนดังของฮอลลิวูดก็มีปฏิกิริยากับเรื่องนี้ไม่ต่างกัน Judd Apatow ทวีตหลังจากได้ข่าวว่าโรงหนังถอด The Interview ออกจากโปรแกรมฉายว่า "ผมว่านี่เป็นเรื่องน่าขายหน้ามากสำหรับโรงหนังที่ไม่จัดฉาย The Interview ต่อจากนี้พวกเขาจะถอดหนังทุกเรื่องที่ถูกใครก็ไม่รู้ขู่หรือเปล่า? และถ้าใครก็ไม่รู้หงุดหงิดกับคำพูดของผู้บริหารโค้ก พวกเราจะต้องหยุดกินโค้กด้วยหรือเปล่า?"



พิธีกรรายการรอบดึก Jimmy Kimmel ก็ตอบ Judd Apatow ว่า "ผมเห็นด้วยหมดหัวใจเลยล่ะ การกระทำอันขี้ขลาดของเหล่าชนชาติที่ไม่ใช่อเมริกันได้นำไปสู่การก่อการร้ายและผลลัพธ์อันน่ากลัว"



Rob Lowe ก็แสดงความเห็นผ่านทวีตด้วยว่า "ว้าว ทุกคนเก็บตัว พวกแฮกเกอร์ชนะ กลายเป็นชัยชนะอันสมบูรณ์แบบของพวกนั้นเลย ว้าว"



ส่วน Michael Moore ก็ทวีตว่า "ถึงพวกที่แฮกโซนี่ ในเมื่อตอนนี้พวกคุณเป็นผู้บริหารฮอลลิวูด ผมอยากให้มีหนังโรแมนติกคอมเมดี้ให้น้อยลงหน่อย และก็ลดหนัง Michael Bay ลง และอย่ามี Transformers ภาคต่ออีก"



ตัว Joss Whedon ก็โพสต์ว่า "หนังส่วนใหญ่ของคนอเมริกันที่เกี่ยวกับประเทศอื่นๆ มักจะเป็นหนังที่แสดงความรักชาติจนน่ารำคาญ แต่ตัวอย่าง The Interview มีแต่ล้อเลียนพวกเรา และสื่อของพวกเราเอง ฮึ่มม ผมชอบหนังที่ทำให้ผมหงุดหงิดอยู่ลึกๆ เสมอ กุญแจสำคัญของอารมณ์ขันคือกุญแจสำคัญสู่การถกเถียง สู่อิสรภาพทางความคิดที่แตกต่างกัน"



หลังจากโซนี่ยกเลิกการฉาย The Interview โรงหนังหลายแห่งก็ขอตอบโต้ผู้ขู่ก่อการร้ายด้วยการเอาหนังปี 2005 Team America: World Police หนังเสียดสีเกาหลีเหนืออีกเรื่องมาฉายแทน แต่ทางพาราเมาต์ ค่ายเจ้าของหนังเสียดสีเรื่องนี้บอกยกเลิกไปก่อน เพราะเกรงเหตุก่อการร้าย




ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของสหรัฐอเมริกา มีแผนจะประกาศออกมาอย่างเป็นทางการผ่านสื่อ CNN ว่า เกาหลีเหนือคือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ ทว่าหลักฐาน ณ ตอนนี้ก็ยังไม่เพียงพอที่จะชี้ชัดไปว่าเกาหลีเหนือเป็นผู้กระทำการครั้งนี้หรือมีส่วนสนับสนุนอะไรหรือเปล่า


สิ่งที่โซนี่ต้องสูญเสียไปสำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้เกือบเหยียบ 200 ล้านเหรียญ 80 ล้านเหรียญเป็นทุนสร้างและโปรโมตThe Interview อีก 100 ล้านเหรียญสูญกับการจัดหาซอฟแวร์และฮาร์ดแวร์ใหม่ รวมถึงค่าการสืบสวนตัวลูกจ้างอีก แถมชื่อเสียงของบริษัทก็เสียหายย่อยยับทีเดียว