ดีเจพี่อ้อย แห่งคลับฟรายเดย์ ยกกรณี #มิ้งโป๊ะแตก สอนให้ใช้สติ คิดให้เยอะ ก่อนลงมือทำอะไร
23 ก.ค. 61 18:03 น. /
ดู 615 ครั้ง /
1 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
hashtag:
#มิ้งโป๊ะแตก
ประเด็น #มิ้งโป๊ะแตก เป็นเรื่องราวที่ได้มีการถูกพูดถึงมาเป็นระยะยาวสักพักหนึ่งแล้ว
หลายๆ คนที่ได้ตามข่าว หรือได้ยินได้ฟังข่าวกันมาก็จะทราบว่ามีการพลิกไปพลิกมาอย่างกับในละคร
แต่กรณีนี้ไม่ใช่ละคร และเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ทางดีเจพี่อ้อย หรือ "อ้อย - นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล"
ให้ความเห็นกับเรื่องนี้ว่า "พี่อ้อยว่าจริงๆ มันก็เป็นประเด็น แล้วก็เป็นกระแสสังคม
ตั้งแต่ตอนที่เป็นงานแถลงข่าวอยู่แล้วนะคะ แต่ว่าในมุมของพี่อ้อย เนื่องจากว่าเราฟังคลับฟรายเดย์มาเยอะ"
"มันมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ เพียงแต่พอวันนี้เกิดขึ้นกับคนที่เป็นคนที่รู้จัก
สิ่งที่มันช่วยกันโหมก็คือโซเชียล มันก็เลยทำให้ประเด็นที่จากตอนแรกๆ
คิดว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กๆ มันก็เลยกลายเป็นเรื่องที่ใหญ่ ถามว่าจะไปแสดงความคิดเห็นอะไร
พี่ว่าตอนนี้สังคมก็คงจะแสดงความคิดเห็นและตัดสินกันเรียบร้อยแล้วนะคะ
แต่ถ้าถามว่ามันก็เป็นบทเรียนสอนชีวิตได้อย่างหนึ่งเหมือนกัน โดยเฉพาะบ้านใดก็ตาม
ที่จะมีลูกสาวและลูกชายที่อยู่ในวัยนี้ เราคงได้เห็นแล้วแหละว่าวันนี้สังคมมันมีตำราเล่มใหญ่เยอะมาก
คุณพ่อคุณแม่ควรจะฉกฉวยโอกาสนี้ในการสอนลูกๆ ทันทีนะคะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร
แน่นอนค่ะ การที่มีอะไรก่อนวัยอันควร แต่ก่อนเรามักจะเป็นคำพูดกันแบบว่าทำไมเป็นความเชื่อที่โบราณจังเลย
แต่วันนี้ความเชื่อโบราณเหล่านั้นทำให้เราเห้นว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในวันนี้"
"และอีกอันหนึ่ง การอยู่กับโซเชียลเยอะๆ จึงต้องมีสติเยอะๆ นะคะ มันไม่สามารถเป็นการล้อเล่นได้อีกแล้ว
บางคนอาจจะบอกว่าก็นิดเดียวเอง อาจจะมีบางเรื่องที่ไม่ตรงบ้าง แต่วันนี้โซเชียลและชาวเน็ต
มีอุปกรณ์การสื่อสารอยู่กับตัว และอุปกรณ์การสืบค้นอยู่อย่างค่อนข้างลึกล้ำมาก
แล้วบางทีลึกล้ำเกินกว่าเจ้าตัวเองจะรู้ด้วยซ้ำว่าทำไมรู้ไปหมดเลย"
"เพราะฉะนั้นถ้าเกิดวันนี้ในฐานะที่เป็นคนที่บริโภคข่าวสาร ก็วิจารณญาณเยอะๆ
หรือใครก็ตามทีที่ยังอยู่ในวัยนี้ ต้องใช้สติมากกว่าหลายๆ เท่าค่ะ
มีความรักไม่ใช่เรื่องผิด แต่อย่าทำผิดเพราะมันเป็นเรื่องของความรัก
แล้วมาบอกว่าที่เราผิดเพราะว่า ก็รักค่ะ บางทีวันนี้มันต้องมีสติเยอะๆ
วันนี้เราเห็นภาพแห่งการไม่รักตัวเองเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว เวลาที่เราทำอะไรด้วยความผลีผลาม
หุนหันพลันแล่น หรือไม่ค่อยรักตัวเองเท่าไร แล้วก็คิดอะไรน้อยไปนิดหนึ่ง นี่คือผลเสียที่มันตามมาแล้วก็เกิดขึ้น"
ถ้าเกิดมิ้งโทรมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง จะแนะนำยังไง
"พี่จะบอกเขาเลยว่าบางทีบางปัญหาเนี่ย เป็นปัญหาที่ต้องคุยกับตัวเองให้จบก่อน
พอเราไม่คุยกับตัวเองให้จบว่าเราตกลงกับเรื่องนี้ยังไง แล้วเราเริ่มไปคุยกับคนอื่น
และเอาเรื่องส่วนเราไปเป็นเรื่องส่วนรวมปั๊บ คราวนี้ปัญหาที่เราคิดว่ามันจะเล็ก มันจะใหญ่ขึ้น
เพราะฉะนั้นพี่ยังมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่าอะไรก็ตามคิดอะไรไม่ออกให้บอกความจริง
ไม่รู้จะทำอะไร ทำอะไรไม่ถูก ให้ทำในสิ่งที่ถูกต้องก่อน และความถูกต้อง
อย่างน้อยมันจะทำร้ายเราน้อยกว่า"
"ถ้าเมื่อไรก็ตามที ที่เราเริ่มมีความไม่จริงเกิดขึ้น เราจะเหนื่อยกับการพูดไม่จริงไปอีกร้อยกว่าครั้งค่ะ
เพราะว่าเพื่อปกปิดความไม่จริงอันแรก แล้วมันจะเหนื่อยมาก
คือพี่เองยังไม่อยากตัดสินว่าเหตุผลของน้องคืออะไร
เพราะพี่ยังเชื่อและเคารพอย่างหนึ่งว่าคนทุกคนมีเหตุผลส่วนตัว คนทุกคนมีวิธีการเลือก
ณ ช่วงเวลานั้นๆ เพียงแต่วิธีการเลือกนั้นต้องไม่ทำร้ายใคร นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดชีวิตของมนุษย์นะ
ถ้าเมื่อไรก็ตามที่เรารู้สึกว่าเรามีเหตุผลส่วนตัว แต่เหตุผลทำร้ายคนนั้น ทำร้ายคนนี้ ทำร้ายคนโน้น
วันหนึ่งมันจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราเอง พี่มองว่าอย่างนั้น"
จะแนะนำอย่างไรเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งคนยังไม่อยากให้มิ้งจบปัญหาไปดื้อๆ
"พี่อ้อยว่าไม่มีใครสามารถทำร้ายชีวิตใครได้นะ เรายอมรับจุดนี้ก่อน
ถ้าบังเอิญว่าเขาไม่มีภาวะเสี่ยง จะไม่มีใครสามารถปั้นเรื่องมาจ้วงเราได้
อย่างที่หลายๆ คนเห็นในโซเชียลว่าเรื่องที่จริงที่สุดคือน้องก็คงจะไปคบหากันจริงนั่นแหละ
อันนั้นคือเรื่องที่จริงที่สุด เพราะฉะนั้นพี่ยังไม่เชื่อว่าใครจะสามารถทำร้ายชีวิตใครได้
พี่เชื่อว่าปากของใครก็ทำให้เราเป็นอย่างที่เราไม่ได้เป็นไม่ได้ เพียงแต่วันนี้ถ้าถามว่า
จะหาทางออกจากเรื่องนี้ยังไง พี่ว่าในที่สุดน้องคงต้องนิ่ง"
"ในส่วนหนึ่งด้วยวัยของน้องเองด้วยนะคะ เมื่อไรก็ตามที่กำลังมีพายุพัดซ้ายพัดขวาอยู่
แล้วพอเราไม่นิ่งพอ ยิ่งออกมาพูดกับคนเยอะๆ จะยิ่งสร้างปัญหามัดตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ
แล้วเรื่องมันจะไม่จบ เพราะในที่สุดแล้ว ในวันนี้น้องก็ยังเป็นเยาวชน
น้องยังต้องมีอนาคตที่ยาวไกลกว่านี้ น้องมีพ่อแม่ มีหัวใจของพ่อแม่ ซึ่งน้องต้องแบกไว้
ไม่แน่คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือคนที่รักน้องที่สุด เพราะงั้นพี่รู้สึกว่าก็นิ่งเถอะ
แล้วเดี๋ยวลองดู ให้เวลามันเดินทางของมันต่อไป พี่ไม่ได้บอกว่าเวลาทำให้คนลืม
แต่เวลาทำให้น้องมีสติมากขึ้นว่าในที่สุดแล้วน้องจะรับมือกับเรื่องนี้ยังไง
เพราะวันนี้เราผูกมันจนแน่น จนกระทั่งรู้สึกว่ามันไม่สามารถเคลียร์ได้ในวันเดียวแล้วอะ"
"พี่มีความรู้สึกว่าคนทุกคนมีเรื่องโกหกวันละเรื่องอย่างต่ำ ไอ้เรื่องโกหกของเราเช่น
บางคนถามว่าเป็นไรเปล่า อ๋อ ไม่เป็นไร โอเค ซึ่งจริงๆ มันอาจจะไม่โอเคก็ได้
แต่ถ้าเมื่อไรก็ตามที่เรื่องโกหกนั้นไม่ทำร้ายใคร พี่ว่ามันก็จบที่เรา เริ่มที่เรา จบที่เรา
เราจะรู้เองว่าหลอกคนอื่นได้ หลอกตัวเองไม่ได้ แต่เมื่อไรก็ตามที่เราเริ่มพูดในสิ่งที่มันเริ่มไปกันใหญ่
เริ่มไม่จริง เริ่มไปกระทบคนนั้น ทำร้ายคนนั้นคนนี้ นี่แหละค่ะ แล้ววันหนึ่งมันจะเห็นผลของสิ่งนั้นทันที"
พี่อ้อยพูดถึงในส่วนของสื่อมวลชนที่ไปทำข่าว
"พี่เคยพูดแทนสื่อหลายๆ คนเสมอ เพราะว่าพี่จะแอบคิดแทน เวลาที่มีข่าวอะไรเกี่ยวกับน้องๆ สื่อมวลชน
ทุกคนต้องการข่าว แต่บางทีไอ้การละเมิดไม่ละเมิด เขาก็มีสิทธิ์ในการปกป้องสิทธิ์ของเขาเช่นกัน
เช่น สมมุติว่าน้องเอาไมค์จ่อมาแล้วพี่บอกว่าวันนี้ขออนุญาตพี่ไม่ให้สัมภาษณ์นะคะ
ทุกคนก็สามารถปกป้องในสิทธิ์ของตัวเองได้เช่นกัน แต่คราวนี้อย่างที่บอกค่ะ
ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง ถ้าบางครั้งหย้าที่มันอาจจะไปกระทบกันบ้าง"
"การปกป้องสิทธิ์ก็ต้องเป็นสิทธิ์ของน้อง เช่นน้องไม่อยากคุย น้องยังไม่พร้อมให้สัมภาษณ์ตอนนี้
น้องก็สามารถที่จะปฏิเสธได้ เพราะในวันนี้ต่อให้น้องไม่ให้ข่าว แต่อย่างที่บอกค่ะ
ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวมันกำลังตามไปสืบไปค้นกันหมด พี่ถึงรู้สึกว่าตอนนี้ทุกอย่างมันกำลังร้อน
พอมันกำลังร้อนแล้วยิ่งออกมาพูด มันเหมือนใส่เชื้อไฟลงไปเรื่อยๆ ค่ะ มันตีฟู
เพราะฉะนั้นบางทีย้อนกลับไปที่เรื่องนี้คืออะไร เป็นเรื่องความสัมพันธ์ของคนสองคน
คนหนึ่งจะจบ คนหนึ่งไม่ยอมจบ แล้วมันก็เริ่มไปเรื่อยๆ ถึงเรื่องที่จะดึงสิ่งนั้นสิ่งนี้มาเพื่อการกดดันกัน"
"นี่แหละค่ะ เมื่อไรก็ตามที่เรื่องส่วนตัวกลายเป็นเรื่องส่วนรวมปั๊บ แล้วเรารับมือไม่ไหว
มันจะใหญ่เกินจริงไปมาก เพราะฉะนั้นวันนี้อย่างที่บอกไงคะ เราต้องฉกฉวยโอกาสนี้ค่ะคุณพ่อคุณแม่
เอาเรื่องนี้สอนลูกๆ ที่บ้านว่าอะไรเกิดขึ้นบ้าง มีความรักได้ไม่ผิดเลย
แต่ถ้ามีความรักแล้วรีบร้อน ร้อนรน ใช้เวลากับความสัมพันธ์น้อยไป ใช้เวลาในการคิดไตรตรองน้อยไป
นี่คือผลเสียที่เกิดขึ้น เราไม่ต้องลงไปเจ็บเอง มีภาพให้เราได้เห็นแล้ว
ถ้าน้องๆ สื่อมวลชน พี่ๆ สื่อมวชนจะทำตรงนั้น อันนี้มันอาจจะเป็นอีกอันหนึ่ง ที่ทำให้สังคมได้บอกว่านี่ไง
ลองดูสิ ทำแบบนี้มันโอเคหรือไม่โอเคยังไง เราเห็นพิษภัย เราเห็นผลของมันแล้วจริงๆ ค่ะ"
Credits
Instagram: djaoy
YouTube: NineEntertain Official
แก้ไขล่าสุด 24 ก.ค. 61 10:33 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 7
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google