เคยน่ารักยังไงให้น่ารักแบบนั้น! กลัฟ ยึดคำสอนของคุณพ่อคุณแม่เป็นคติใช้ชีวิตในวงการ
30 มิ.ย. 65 18:02 น. /
ดู 2,042 ครั้ง /
0 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
hashtag:
#กลัฟคณาวุฒิ
ถึงคิวที่รายการ พาผู้ไปรัวลิ้น ได้พาหนุ่มฮอตอย่าง กลัฟ คณาวุฒิ มานั่งกินไปเม้าท์ไป
อัปเดตเรื่องราวต่างๆ ให้ชาวลูกบอลได้รู้จักคุณเขาและตกหลุมรักหนุ่มคนนี้ลงไปกันให้ลึกกว่าเดิม
ว่าด้วยเรื่องนิสัยส่วนตัวของกลัฟ คุณเขาบอกจริงๆ แล้วตัวเองเป็น เด็กกวนครับ ชอบกวนเพื่อนกวนพี่ ถ้าเกิดเป็นคนที่สนิทเราจะพูดค่อนข้างเยอะ แต่หลายๆคนชอบคิดว่าผมเป็นคนนิ่งๆไม่ค่อยพูดเพราะเวลาผมทำหน้านิ่งๆ หน้าผมจะดุนิดนึง
โดนทักว่าเป็นคนรัก พอได้พูดถึงลูกชายก็จะตาเป็นประกายเลย แบบเวลาอยู่ด้วยกันกลัฟจะชอบไปลูบหัวลูบตัวน้อง
แล้วอาซาร์ก็จะมาไถๆ อ้อนๆ งี้
พูดถึงเรื่องความชอบแน่นอนพี่ๆ ลูกบอลทุกคนทราบกันดีว่า คุณเขาคลั่งไคล้กีฬาฟุตบอลและชื่นชอบทีมเชลซี
ถึงขั้นมีความฝันอยากเป็นนักกีฬาฟุตบอลด้วย แต่พอได้มาทำงานในวงการบันเทิง ก็คิดว่าการเป็นนักกีฬาน่าจะไม่
เหมาะ ก็เลยหาตรงกลางที่พอดีนั่นตอนนี้เลยอยากเป็นผู้ประกาศข่าวกีฬา และเคยทำมาแล้วตอนฝึกงาน ถ้าเกิดได้โอกาสก็อยากลองทำดู
ก่อนจะได้ทานอาหารพี่ๆ พิธีกรก็รู้มาว่ากลัฟแพ้อาหารทะเลด้วย เจ้าตัวบอกว่า แพ้ กุ้ง ปู และไม่กล้าทานปลาหมึกเพราะไม่รู้ว่าแพ้ด้วยไหม เพราะเคยทานพวกอาหารทะเลแล้ว ปากบวมคันข้างในคอ
ทีนี้เลยไม่มีเมนูที่มีวัตถุดิบเป็นอาหารทะเลเลย มีเป็นพวกเป็ดย่างแถมมีหมูกรอบของโปรดของคุณคะน้าเขาด้วย
งานนี้เด็กวัยกำลังโต ก็จ้วงเอาๆ เลยสิคะ กินได้น่าอร่อยมากงืออออ
ได้ทำงานในสายงานที่หลากหลายในวงการ ถ้าชอบและถนัดที่สุด
กลัฟชอบการแสดงเพราะว่า เราน่าจะทำออกมาได้ดีที่สุดเป็นสิ่งที่ทุ่มเทที่สุดด้วย เพราะอาชีพของเราคือนักแสดง
การแสดงน่าสนใจตรงไม่มีความตายตัวสามารถพลิกแพลงบทบาทใส่ความเป็นตัวเองหรือใส่อะไรก็ได้ในนั้น
สมมติบทๆ นึง ให้มาเล่น 10 คน ยังไงก็ไม่เหมือนกัน แล้วความต่างของซีรีส์กับละคร อย่างหลังหลังพอเราได้มาทำความเข้าใจกับบทและตัวละครมันลึกกว่าเยอะมาก และบทก็จะมีความเรียล พวกอารมณ์จะมีความหลากหลายมากกว่า แรกๆ ก็มีเครียดเหมือนเป็นช่วงปรับตัว เราไม่ได้เตรียมใจว่ามันจะขนาดนี้ แต่ก็ดีที่พี่ๆ ในกองน่ารักคอยช่วยเรา วิธีระบายความเครียดคือนอนเพราะมันไม่ต้องคิดอะไร และพี่เจนี่ช่วยได้เยอะมากพวกซีนดราม่า บางทีเป็นซีนช่วงบ่ายแล้วพี่เจนี่เขาหมดตั้งแต่ช่วงเช้า พี่เขาก็ไม่กลับบ้านอยู่ช่วยเราหน้าเซ็ต ตอนนี้ถ่ายเหลือ 10 กว่าคิวก็ใกล้เสร็จแล้ว
ให้เม้าท์ถึงมุมโก๊ะๆ ของตัวเอง คุณเขาเล่าย้อนกลับไป ช่วงประกวดดาวเดือนมหาลัย แล้วตอนนั้นไม่รู้จะโชว์อะไรดี
เลยควงกระบองโชว์ละกัน ตอนซ้อมทำได้ดีแต่พอขึ้นเวทีปุ๊บหล่น แต่พีกตรงที่ตอนมันหล่นแล้วไม้มันเด้งขึ้นแล้วเราคว้าทันกลายเป็นเราเท่ไปเลย ก็ชนะได้เป็นเดือนมหาลัย
และช่วงมหาลัยคุณบิ๊กกลัฟบอกตัวเองไม่ได้ออร่าขนาดนี้ ช่วงปี 1 ยังออกแนว Baby face จัดฟันยังไม่เข้าที่
ใส่รีเทนเนอร์อยู่ และเพิ่งเริ่มมาเข้าวงการตอนปี 3 เทอม 2 แต่ถ้าถามเคยมีความคิดอยากเข้าวงการไหมก่อนหน้า
นั้นก็อยาก เพราะเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ถ้าเราทำได้ดีก็สามารถหาเลี้ยงครอบครัวได้ด้วย และได้เจอกับพี่เบิ้มผู้จัดการ
ตอน ม.3 ตอนที่ได้เล่นเรื่องมาเฟียเลือดมังกร แต่ที่เว้นช่วงจากงานในวงการไปเพราะจะเข้าม.ปลาย เรียนต่อ
สายวิทย์คณิตเลยไปทุ่มกับการเรียน
โดนชมจากพี่ก้อง ปิยะ ด้วยว่าความน่ารักคือเวลาเขียนหรือแท็กไอจีไปหา
ส่วนใหญ่กลัฟก็จะกดไลก์และตอบ ซึ่งเจ้าตัวมองว่า เป็นเรื่องของมารยาทด้วยเวลาผู้ใหญ่ทักหรือแท็กมาเราควรมีปฏิสัมพันธ์กับทางผู้ใหญ่ครับ
แล้วที่ดังเป็นพลุแตกและเติบโตในวงการอย่างต่อเนื่องขนาดนี้
กลัฟบอกว่า เขาไม่เคยมู ไม่ได้พกอะไรเลย เจอพระพุทธรูปก็ไหว้ปกติ แต่ไม่เคยขอให้ดังหรือมีชื่อเสียงอะไรเลย เคยพูดไปในรายการนึงว่า ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาแห่งการขอ ถ้าเราแค่ขอแต่ไม่ทำแค่ขอก็แค่นั้น ผมว่าสุดท้ายทุกๆ อย่างจะเกิดขึ้นได้ก็อยู่ที่ตัวเราเอง ถ้าขอก็ขอให้ท่านช่วยเป็นพยานมากกว่าว่าเราจะทำอย่างนี้นะ
กับความดังที่ถาโถมเข้ามา กลัฟยอมรับว่า ตั้งตัวไม่ค่อยทัน ก่อนซีรีส์ออนคนฟอลประมาณ 9 พัน พอเริ่มออนไป
ตอน 5 ก็พุ่งมาหนึ่งแสน จนซีรีส์จบก็ 4-5 แสนจนตามกันมาเรื่อยๆ จนครบล้านก็ดีใจ แล้วพี่ก้องชมว่ากลัฟยังดูเหมือนเดิมทุกอย่าง เลยโดนถามว่าคุณพ่อคุณแม่สอนยังไงบ้างกับการที่ได้มาอยู่จุดนี้ คุณบิ๊กกลัฟบอกว่า สอนเยอะเลย เขาบอกว่าเป็นแบบไหนเคยน่ารักแบบไหนก็พยายามให้น่ารักแบบนั้น เพราะความสม่ำเสมอเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญเหมือนกันในการใช้ชีวิตในวงการ
ถูกถามต่อว่าเสียดายชีวิตในช่วงวัยรุ่นไหม
เจ้าตัวบอก มีแค่บางช่วงนิดหน่อยอย่างเวลาเพื่อนๆ ไปเที่ยวต่างจังหวัดกันแต่เราต้องทำงาน และ
ช่วงมัธยมเราก็เป็นเด็กที่สุดมากคนนึง ก็ใช้ชีวิตตรงนั้นมาค่อนข้างเยอะ พอเข้ามหาลัยเริ่มทำงานก็ไม่ค่อยเที่ยวแล้ว
พูดถึงพาร์ทครอบครัว กลัฟจะเป็นคนที่สนิทกับคุณแม่ แต่จะไม่ค่อยสนิทกับพี่สาว ด้วยความที่อายุห่างกันแค่
หนึ่งปีตอนช่วงเป็นวัยรุ่นกันก็ไม่รู้จะคุยอะไร แต่พอได้เริ่มทำงานในวงการก็ได้คุยกับพี่สาวมากขึ้นสนิทกันมากขึ้น
และเป็นความภูมิใจของกลัฟ ที่ทำตามความฝันได้สำเร็จนั่นคือการเลี้ยงดูครอบครัวให้ที่บ้านสบาย แล้วประจวบช่วง
โควิดธุรกิจของคุณพ่อก็จะเงียบๆ นิดนึงก็ได้เงินจากที่เราทำงานไปช่วยหมุน
น่ารักกตัญญูและเป็นตัวเองสม่ำเสมอตั้งแต่วันแรกมาจนถึงวันนี้ ไม่แปลกใจเลยทำไมถึงมีลูกบอล
ของคุณบิ๊กกลัฟเพิ่มขึ้นในทุกวัน
#กลัฟคณาวุฒิ
อัปเดตเรื่องราวต่างๆ ให้ชาวลูกบอลได้รู้จักคุณเขาและตกหลุมรักหนุ่มคนนี้ลงไปกันให้ลึกกว่าเดิม
โดนทักว่าเป็นคนรัก พอได้พูดถึงลูกชายก็จะตาเป็นประกายเลย แบบเวลาอยู่ด้วยกันกลัฟจะชอบไปลูบหัวลูบตัวน้อง
แล้วอาซาร์ก็จะมาไถๆ อ้อนๆ งี้
พูดถึงเรื่องความชอบแน่นอนพี่ๆ ลูกบอลทุกคนทราบกันดีว่า คุณเขาคลั่งไคล้กีฬาฟุตบอลและชื่นชอบทีมเชลซี
ถึงขั้นมีความฝันอยากเป็นนักกีฬาฟุตบอลด้วย แต่พอได้มาทำงานในวงการบันเทิง ก็คิดว่าการเป็นนักกีฬาน่าจะไม่
เหมาะ ก็เลยหาตรงกลางที่พอดีนั่นตอนนี้เลยอยากเป็นผู้ประกาศข่าวกีฬา และเคยทำมาแล้วตอนฝึกงาน ถ้าเกิดได้โอกาสก็อยากลองทำดู
ก่อนจะได้ทานอาหารพี่ๆ พิธีกรก็รู้มาว่ากลัฟแพ้อาหารทะเลด้วย เจ้าตัวบอกว่า แพ้ กุ้ง ปู และไม่กล้าทานปลาหมึกเพราะไม่รู้ว่าแพ้ด้วยไหม เพราะเคยทานพวกอาหารทะเลแล้ว ปากบวมคันข้างในคอ
ทีนี้เลยไม่มีเมนูที่มีวัตถุดิบเป็นอาหารทะเลเลย มีเป็นพวกเป็ดย่างแถมมีหมูกรอบของโปรดของคุณคะน้าเขาด้วย
งานนี้เด็กวัยกำลังโต ก็จ้วงเอาๆ เลยสิคะ กินได้น่าอร่อยมากงืออออ
ได้ทำงานในสายงานที่หลากหลายในวงการ ถ้าชอบและถนัดที่สุด
กลัฟชอบการแสดงเพราะว่า เราน่าจะทำออกมาได้ดีที่สุดเป็นสิ่งที่ทุ่มเทที่สุดด้วย เพราะอาชีพของเราคือนักแสดง
การแสดงน่าสนใจตรงไม่มีความตายตัวสามารถพลิกแพลงบทบาทใส่ความเป็นตัวเองหรือใส่อะไรก็ได้ในนั้น
สมมติบทๆ นึง ให้มาเล่น 10 คน ยังไงก็ไม่เหมือนกัน แล้วความต่างของซีรีส์กับละคร อย่างหลังหลังพอเราได้มาทำความเข้าใจกับบทและตัวละครมันลึกกว่าเยอะมาก และบทก็จะมีความเรียล พวกอารมณ์จะมีความหลากหลายมากกว่า แรกๆ ก็มีเครียดเหมือนเป็นช่วงปรับตัว เราไม่ได้เตรียมใจว่ามันจะขนาดนี้ แต่ก็ดีที่พี่ๆ ในกองน่ารักคอยช่วยเรา วิธีระบายความเครียดคือนอนเพราะมันไม่ต้องคิดอะไร และพี่เจนี่ช่วยได้เยอะมากพวกซีนดราม่า บางทีเป็นซีนช่วงบ่ายแล้วพี่เจนี่เขาหมดตั้งแต่ช่วงเช้า พี่เขาก็ไม่กลับบ้านอยู่ช่วยเราหน้าเซ็ต ตอนนี้ถ่ายเหลือ 10 กว่าคิวก็ใกล้เสร็จแล้ว
ให้เม้าท์ถึงมุมโก๊ะๆ ของตัวเอง คุณเขาเล่าย้อนกลับไป ช่วงประกวดดาวเดือนมหาลัย แล้วตอนนั้นไม่รู้จะโชว์อะไรดี
เลยควงกระบองโชว์ละกัน ตอนซ้อมทำได้ดีแต่พอขึ้นเวทีปุ๊บหล่น แต่พีกตรงที่ตอนมันหล่นแล้วไม้มันเด้งขึ้นแล้วเราคว้าทันกลายเป็นเราเท่ไปเลย ก็ชนะได้เป็นเดือนมหาลัย
และช่วงมหาลัยคุณบิ๊กกลัฟบอกตัวเองไม่ได้ออร่าขนาดนี้ ช่วงปี 1 ยังออกแนว Baby face จัดฟันยังไม่เข้าที่
ใส่รีเทนเนอร์อยู่ และเพิ่งเริ่มมาเข้าวงการตอนปี 3 เทอม 2 แต่ถ้าถามเคยมีความคิดอยากเข้าวงการไหมก่อนหน้า
นั้นก็อยาก เพราะเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ถ้าเราทำได้ดีก็สามารถหาเลี้ยงครอบครัวได้ด้วย และได้เจอกับพี่เบิ้มผู้จัดการ
ตอน ม.3 ตอนที่ได้เล่นเรื่องมาเฟียเลือดมังกร แต่ที่เว้นช่วงจากงานในวงการไปเพราะจะเข้าม.ปลาย เรียนต่อ
สายวิทย์คณิตเลยไปทุ่มกับการเรียน
โดนชมจากพี่ก้อง ปิยะ ด้วยว่าความน่ารักคือเวลาเขียนหรือแท็กไอจีไปหา
ส่วนใหญ่กลัฟก็จะกดไลก์และตอบ ซึ่งเจ้าตัวมองว่า เป็นเรื่องของมารยาทด้วยเวลาผู้ใหญ่ทักหรือแท็กมาเราควรมีปฏิสัมพันธ์กับทางผู้ใหญ่ครับ
แล้วที่ดังเป็นพลุแตกและเติบโตในวงการอย่างต่อเนื่องขนาดนี้
กลัฟบอกว่า เขาไม่เคยมู ไม่ได้พกอะไรเลย เจอพระพุทธรูปก็ไหว้ปกติ แต่ไม่เคยขอให้ดังหรือมีชื่อเสียงอะไรเลย เคยพูดไปในรายการนึงว่า ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาแห่งการขอ ถ้าเราแค่ขอแต่ไม่ทำแค่ขอก็แค่นั้น ผมว่าสุดท้ายทุกๆ อย่างจะเกิดขึ้นได้ก็อยู่ที่ตัวเราเอง ถ้าขอก็ขอให้ท่านช่วยเป็นพยานมากกว่าว่าเราจะทำอย่างนี้นะ
กับความดังที่ถาโถมเข้ามา กลัฟยอมรับว่า ตั้งตัวไม่ค่อยทัน ก่อนซีรีส์ออนคนฟอลประมาณ 9 พัน พอเริ่มออนไป
ตอน 5 ก็พุ่งมาหนึ่งแสน จนซีรีส์จบก็ 4-5 แสนจนตามกันมาเรื่อยๆ จนครบล้านก็ดีใจ แล้วพี่ก้องชมว่ากลัฟยังดูเหมือนเดิมทุกอย่าง เลยโดนถามว่าคุณพ่อคุณแม่สอนยังไงบ้างกับการที่ได้มาอยู่จุดนี้ คุณบิ๊กกลัฟบอกว่า สอนเยอะเลย เขาบอกว่าเป็นแบบไหนเคยน่ารักแบบไหนก็พยายามให้น่ารักแบบนั้น เพราะความสม่ำเสมอเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญเหมือนกันในการใช้ชีวิตในวงการ
ถูกถามต่อว่าเสียดายชีวิตในช่วงวัยรุ่นไหม
เจ้าตัวบอก มีแค่บางช่วงนิดหน่อยอย่างเวลาเพื่อนๆ ไปเที่ยวต่างจังหวัดกันแต่เราต้องทำงาน และ
ช่วงมัธยมเราก็เป็นเด็กที่สุดมากคนนึง ก็ใช้ชีวิตตรงนั้นมาค่อนข้างเยอะ พอเข้ามหาลัยเริ่มทำงานก็ไม่ค่อยเที่ยวแล้ว
พูดถึงพาร์ทครอบครัว กลัฟจะเป็นคนที่สนิทกับคุณแม่ แต่จะไม่ค่อยสนิทกับพี่สาว ด้วยความที่อายุห่างกันแค่
หนึ่งปีตอนช่วงเป็นวัยรุ่นกันก็ไม่รู้จะคุยอะไร แต่พอได้เริ่มทำงานในวงการก็ได้คุยกับพี่สาวมากขึ้นสนิทกันมากขึ้น
และเป็นความภูมิใจของกลัฟ ที่ทำตามความฝันได้สำเร็จนั่นคือการเลี้ยงดูครอบครัวให้ที่บ้านสบาย แล้วประจวบช่วง
โควิดธุรกิจของคุณพ่อก็จะเงียบๆ นิดนึงก็ได้เงินจากที่เราทำงานไปช่วยหมุน
น่ารักกตัญญูและเป็นตัวเองสม่ำเสมอตั้งแต่วันแรกมาจนถึงวันนี้ ไม่แปลกใจเลยทำไมถึงมีลูกบอล
ของคุณบิ๊กกลัฟเพิ่มขึ้นในทุกวัน
#กลัฟคณาวุฒิ
ขอบคุณภาพและคลิปจาก
YT: SONIXYOUTH 1999
แก้ไขล่าสุด 8 ก.ค. 65 21:28 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google