IUI ด่านแรกของการรักษาภาวะมีลูกยาก เพิ่มโอกาสตั้งครรภ์มากขึ้นกว่าธรรมชาติ
23 ธ.ค. 65 18:34 น. /
ดู 3,880 ครั้ง /
0 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
ในยุคปัจจุบันที่อัตราการเกิดค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ ทั้งที่มาจากการคุมกำเนิด และยังมีอีกบางส่วนที่เกิดจากการมีบุตรยาก ผู้คนในปัจจุบันมักจะต้องมีความพร้อมในหลาย ๆ ด้านก่อนไม่ว่าจะความพร้อมเรื่องการศึกษา หน้าที่การงาน สถานะการเงินก่อนจะวางแผนมีบุตร ซึ่งกว่าจะพร้อมตั้งครรภ์ก็อาจเลยช่วงที่ร่างกายเหมาะสมกับการตั้งครรภ์ไปแล้ว
เมื่อเริ่มวางแผนมีบุตร แต่ลองมีเพศสัมพันธ์แบบธรรมชาติแล้วก็ไม่ตั้งครรภ์สักทีแพทย์มักจะวินิจฉัยว่าเริ่มเข้าสู่ภาวะมีลูกยาก หากพิจารณาจากอายุและการตรวจสภาพร่างกายแล้วยังไม่ถึงระดับรุนแรง แพทย์มักจะแนะนำให้ลองรักษาด้วยการทำ IUI ก่อนเป็นอย่างแรก เพราะค่าใช้จ่ายไม่สูง และเป็นวิธีที่กระบวนการรักษาง่ายไม่ซับซ้อน
แล้ว IUI ที่ว่าคืออะไร ช่วยให้ตั้งครรภ์ง่ายกว่าการมีเพศสัมพันธ์โดยธรรมชาติอย่างไร ถ้าต้องเข้ารับการรักษาแบบ IUI จะมีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ไปดูคำตอบได้ในบทความนี้เลย
การฉีดยากระตุ้นไข่ IUI คืออะไร?
Intra-Uterine Insemination หรือ การทำ IUI คือการฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรง ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งในการรักษาภาวะมีบุตรยาก โดยการทำ IUI จะเป็นวิธีการทำให้เกิดการปฏิสนธิภายในร่างกายเหมือนกับการมีเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติเลย เพียงแต่จะมีตัวช่วยให้อสุจิและเซลล์ไข่มาเจอกันและเกิดการปฏิสนธิง่ายกว่าเดิม
โดยการมีเพศสัมพันธ์ปกติโดยที่ไม่ได้มีการคำนวณการตกไข่ใด ๆ เมื่อเชื้ออสุจิเข้าไปในโพรงมดลูก บางครั้งอาจเป็นช่วงจังหวะที่เซลล์ไข่ยังไม่ตกจากรังไข่ ก็ทำให้ไม่สามารถเกิดการปฏิสนธิได้เนื่องจากเซลล์ทั้งสองไม่ได้มาเจอกัน หรือบางคู่อาจมีการคำนวณการตกไข่ไว้แล้ว แต่หากสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์อาจทำให้เวลาการตกไข่คลาดเคลื่อน ก็ทำให้เซลล์ทั้งสองไม่มาเจอกันอยู่ดี
และอีกประการ การมีเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติไม่ได้มีการคัดเลือกเซลล์อสุจิที่แข็งแรง บางครั้งเชื้ออสุจิที่เข้าไปในโพรงมดลูกอาจไม่แข็งแรงพอและไม่สามารถว่ายไปหาเซลล์ไข่เพื่อปฏิสนธิได้ จึงไม่เกิดการตั้งครรภ์ขึ้นนั่นเอง
แต่การทำ IUI นี้จะช่วยตัดปัจจัยที่ทำให้โอกาสไม่สำเร็จในการปฏิสนธิลง โดยทั้งการกระตุ้นเซลล์ไข่ให้ตกในช่วงเวลาที่เหมาะสม และทั้งการคัดเลือกเซลล์อสุจิที่แข็งแรงจำนวนหนึ่งเพื่อมาฉีดในช่วงเวลาที่ไข่ตกอย่างพอดี การกระทำนี้จะช่วยให้เซลล์ไข่และอสุจิมาเจอกันและเกิดการปฏิสนธิได้ง่ายกว่าเดิม และมีโอกาสตั้งครรภ์สูงขึ้นกว่าวิธีธรรมชาติถึง 10-15% เลยทีเดียว
การเตรียมตัวของพ่อแม่ก่อนทำ IUI
เพื่อให้การทำ IUI มีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนจึงสำคัญมาก ก่อนที่แพทย์จะให้เข้ารับการรักษาด้วย IUI จะมีการตรวจสุขภาพและตรวจโรคติดต่อและไม่ติดต่อทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงก่อน เช่น โรค HIV ไวรัสตับอักเสบ ซิฟิลิส ธาลัสซีเมีย หัดเยอรมัน และอื่น ๆ จากนั้นอาจมีการแนะนำการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตประจำวันและการรับประทานอาหารเสริมเพิ่มเติมด้วย
การปฏิบัติตนสำหรับฝ่ายชายก่อนทำ IUI
ก่อนจะเข้ารับการทำ IUI การเก็บเชื้ออสุจิของฝ่ายชายเพื่อให้ได้เชื้ออสุจิที่คุณภาพดีที่สุด ควรจะปฏิบัติตนดังนี้
- งดการมีเพศสัมพันธ์หรือกิจกรรมใด ๆ ที่ทำให้เกิดการหลั่งอสุจิเป็นเวลา 3-5 วันก่อนการเก็บเชื้อ เพื่อให้เชื้ออสุจิมีความเข้มข้นมาก ๆ
- พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ทำจิตใจให้สบาย ไม่เครียด
- ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์
- งดการดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน และการสูบบุหรี่
การปฏิบัติตนสำหรับฝ่ายหญิงก่อนทำ IUI
เพื่อให้สภาวะร่างกายเหมาะสมต่อการตั้งครรภ์ที่สุด ควรจะต้องปฏิบัติตนดังนี้
- งดการมีเพศสัมพันธ์ก่อนการทำ IUI
- พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
- ทำจิตใจให้สบาย ไม่เครียด เพราะความเครียดส่งผลต่อระดับฮอร์โมนอย่างมาก
- ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์
- งดการดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน และการสูบบุหรี่
- รับประทานยาฮอร์โมนที่แพทย์จ่ายให้อย่างเคร่งครัด
- หากมีการใช้ยาตัวอื่น ๆ จะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนรักษา
ขั้นตอนการทำ IUI
การทำ IUI หรือการฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกมีขั้นตอนการรักษาที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนเท่าไหร่นัก ดังนี้
- แพทย์จะนัดฝ่ายหญิงให้เข้ามาฉีดยากระตุ้นไข่ในช่วงวันที่ 2-3 ของรอบเดือน โดยการฉีดยากระตุ้นไข่มีจุดประสงค์เพื่อให้เซลล์ไข่โตขึ้นจนได้ขนาดที่เหมาะสมในการปฏิสนธิด้วยการทำ IUI ตัวยากระตุ้นไข่จะเป็นยาฮอร์โมน มีทั้งรูปแบบรับประทานหรือรูปแบบฉีดอาจใช้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือใช้ร่วมกันขึ้นอยู่กับแพทย์กำหนด
- ระหว่างนี้แพทย์ก็จะนัดเข้ามาอัตราซาวด์ดูการเจริญของไข่อยู่เรื่อย ๆ โดยอาจนัดอันตราซาวด์ตั้งแต่วันที่ 12 หลังมีประจำเดือน และหากตรวจแล้วว่าเซลล์ไข่เจริญเติบโตเต็มที่ มีความเหมาะสมในการปฏิสนธิแล้ว แพทย์ก็จะฉีดยากระตุ้นไข่ตกให้กับฝ่ายหญิง และนัดวันเข้ามาทำ IUI ต่อไป
- หลังจากฉีดยากระตุ้นไข่ตกไปแล้วประมาณ 1-2 วัน แพทย์ก็จะนัดทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงเข้ามาทำ IUI โดยแพทย์จะขอเก็บน้ำเชื้ออสุจิจากฝ่ายชาย เพื่อนำไปคัดแยกอสุจิที่มีความแข็งแรงและสมบูรณ์ที่สุดจำนวนหนึ่ง และเตรียมพร้อมที่จะฉีดเข้าสู่โพรงมดลูกต่อไป
- เมื่อแพทย์เตรียมเชื้ออสุจิของฝ่ายชายเป็นที่เรียบร้อย ก็จะนำน้ำเชื้ออสุจินั้นฉีดเข้าไปในโพรงมดลูกโดยผ่านทางช่องคลอดของฝ่ายหญิง ในขั้นตอนนี้อาจรู้สึกเจ็บจากการสอดเครื่องมือเข้าไปในโพรงมดลูกบ้างเล็กน้อย แต่ไม่เป็นอันตรายใด ๆ และจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ทำ IUI เหมาะกับใคร?
การรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยการทำ IUI เป็นเพียงการเลียนแบบการมีเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติ เพียงแต่มีตัวช่วยให้เซลล์สืบพันธุ์มาเจอกันง่ายขึ้นเท่านั้น ดังนั้นการทำ IUI จึงเหมาะกับบุคคลต่อไปนี้
ฝ่ายชาย
- น้ำเชื้ออสุจิเข้มข้นน้อย
- เชื้ออสุจิไม่แข็งแรงพอ
- มีปัญหาการหลั่งอสุจิ
ฝ่ายหญิง
- ปากมดลูกตีบ ทำให้อสุจิเคลื่อนที่เข้าโพรงมดลูกได้ยากกว่าปกติ
- มีภาวะการตกไข่ไม่สม่ำเสมอ
- มีภาวะไข่ไม่ตกจากภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ
- ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
- ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติได้ทั้งเนื่องจากสภาพร่างกาย (กรณีแพ้น้ำเชื้อ) หรือสภาพจิตใจ
- ไม่ต้องการมีเพศสัมพันธ์แต่อยากตั้งครรรภ์
โดยผู้ที่ทำ IUI ได้จะต้องอายุน้อยกว่า 30 ปี หรืออยู่ในช่วงเจริญพันธุ์ เพราะหากเลยวัยไปแล้วมักจะมีปัญหามีบุตรยากไม่ว่าจะเกิดจากเซลล์ไข่คุณภาพแย่ลง ผนังเซลล์ไข่หนา มดลูกเสื่อมสภาพ เป็นต้น และอีกทั้งยังจำเป็นต้องมีท่อนำไข่ที่สมบูรณ์อย่างน้อย 1 ข้าง เพราะการทำ IUI ยังจำเป็นต้องใช้ท่อนำไข่อยู่
การทำ IUI ไม่เหมาะกับใคร?
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าการ IUI เป็นเพียงการเลียนแบบการมีเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติ หากผู้ป่วยมีความผิดปกติบางอย่างอาจไม่สามารถรักษาด้วยการทำ IUI ได้ เช่น
- ฝ่ายหญิงที่ท่อนำไข่อุดตันทั้งสองข้าง ทำให้เชื้ออสุจิไม่สามารถเคลื่อนที่ไปหาเซลล์ไข่ได้
- ฝ่ายหญิงที่มีมีพังผืดในโพรงมดลูก อุ้งเชิงกราน
- อายุมากกว่า 30 ปี เริ่มเข้าสู่วัยที่มีมีบุตรยาก
- เคยผ่านการรักษาด้วย IUI มาแล้วไม่ต่ำกว่า 3-6 รอบและไม่ประสบความสำเร็จ
- ผลการตรวจร่างกายไม่เหมาะสมกับการตั้งครรภ์ ทั้งโอกาสที่ตัวอ่อนจะมีความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือเกิดโรคใด ๆ จากพ่อแม่สู่ลูก
การดูแลตัวเองหลังทำ IUI
หลังเข้ารับการรักษาด้วยการทำ IUI แล้วควรจะต้องดูแลตนเองตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผลลัทธ์ในการทำ IUI มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น
- ในช่วงวันแรก ๆ หลังทำ IUI ฝ่ายหญิงควรจะขยับตัวให้น้อยที่สุด เพื่อให้เชื้ออสุจิว่ายไปหาเซลล์ไข่ได้ดีขึ้น และเพราะเหตุนี้จึงห้ามมีเพศสัมพันธ์หลังทำ IUI เพราะอาจไปรบกวนการปฏิสนธิและการฝังตัวของตัวอ่อนได้
- หลีกเลี่ยงการแช่อ่างหรือว่ายน้ำ ป้องกันความเสี่ยงการติดเชื้อ
- ให้พักผ่อนให้เพียงพอ และทำจิตใจให้สบาย หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดความเครียด
- หลังพ้นช่วง 2-3 วันแรกสามารถทำกิจกรรมใด ๆ ได้ตามปกติ
- หากหลัง IUI ท้องอืดมาก เป็นเรื่องที่อาจพบได้เป็นปกติ ผู้ป่วยสามารถรับประทานไข่ขาวลดอาการท้องอืดได้
- หากรู้สึกเจ็บบริเวณช่องคลอดหลังทำ IUI หรือมีเลือดออกให้รีบเข้าพบแพทย์ทันที
- สามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้หลังทำ IUI ไปแล้วประมาณ 2 อาทิตย์สามารถตรวจได้ด้วยตนเองหรือมาที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจการตั้งครรภ์ก็ได้
การทำ IUI ราคาเท่าไหร่
การทำ IUI มีขั้นตอนการรักษาไม่ยุ่งยาก และใช้เครื่องมืออุปกรณ์ค่อนข้างน้อย จึงทำให้ค่าใช้จ่ายการทำ IUI ไม่สูงมาก ราว 10,000-30,000 บาทเท่านั้น ขึ้นอยู่กับสถานพยาบาล
รีวิวทํา IUI ที่ไหน ดี
จะเห็นได้ว่ามีคลีนิกหรือโรงพยาบาลที่มีศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากอยู่มากมาย แล้วควรจะไปรักษาที่ไหนดีสามารถพิจารณาจากเกณฑ์ดังต่อไปนี้
- สถานพยาบาลนั้นจะต้องมีแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญด้านการรักษาภาวะมีบุตรยาก และมีประสบการณ์สูง
- สถานพยาบาลนั้นจะต้องสะอาด ได้มาตรฐาน เพราะหากสถานพยาบาลนั้นไม่สะอาดก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อหลังการรักษาได้
- เจ้าหน้าที่ควรจะมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาภาวะมีบุตรยาก เพื่อบริการและให้ความรู้เบื้องต้นกับผู้ป่วยได้
- สถานพยาบาลนั้นควรจะต้องเดินทางสะดวกหรือใกล้บ้าน เพราะหากเกิดปัญหาก็จะสามารถเข้าปรึกษาหรือเข้ารักษากับแพทย์ได้ทันที
Q&A รวมคำถามที่คนสงสัยเกี่ยวกับการทำเด็กหลอดแก้ว
การทำ IUI สามารถเลือกเพศลูกได้ไหม
การทำ IUI ไม่สามารถเลือกเพศลูกได้ เพราะการทำ IUI เป็นเพียงการเลียนแบบการมีเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติ และยังมีการปฏิสนธิด้วยวิธีธรรมชาติอยู่ ทำให้ไม่สามารถทราบเพศหรือเลือกเพศตัวอ่อนได้ และอีกทั้งตามกฎหมายประเทศไทย การผสมเทียมวิธีใดก็ตามก็ไม่อนุญาตให้มีการเลือกเพศตัวอ่อนได้
การทำ iui โอกาสสําเร็จมากน้อยขนาดไหน
การทำ IUI จะเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้สูงกว่าการมีเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติประมาณ 10-15% แต่หากเทียบโอกาสสำเร็จการตั้งครรภ์กับวิธีผสมเทียบแบบอื่น ๆ การทำ IUI จะให้โอกาสสำเร็จต่ำที่สุด
หลังทำ iui แล้ว ตรวจตั้งครรภ์กี่วัน
ช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการตรวจการตั้งครรภ์คือช่วงหลัง IUI 14 วัน หากตรวจผลก่อนช่วงเวลานี้อาจเกิดความคลาดเคลื่อนได้
สรุป
การทำ IUI เป็นวิธีการรักษาภาวะมีบุตรยากวิธีหนึ่งที่ทำได้ง่ายที่สุด มีขั้นตอนการรักษาที่ไม่ซับซ้อน โดยจะเหมาะกับผู้ที่ยังอยู่ในช่วงวัยเจริญพันธุ์ที่ยังไม่ได้เข้าสู่ภาวะมีลูกยากอย่างเต็มตัว และมีท่อนำไข่ที่ยังสมบูรณ์อยู่ เพราะการทำ IUI เป็นเพียงการช่วยให้เซลล์สืบพันธุ์ได้มาเจอกันง่ายขึ้นเท่านั้น
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google