ผู้ประกอบการไทยเริ่มเดือดร้อนแล้ว รู้ยัง?
28 พ.ค. 66 08:29 น. /
ดู 1,830 ครั้ง /
1 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
มาแรงไม่หยุด สำหรับทุนใหญ่ของชาวจีน ไหนจะธุรกิจสีเทาจากคดีตู้ห่าวที่ยังสะสางกันไม่เสร็จ ไหนจะเรื่องแย่งอาชีพ ลดโอกาสการทำมาหากินของชาวไทยในย่านเยาวราช ล่าสุดยังมีจัดแพคเกจทัวร์ VIP ของชาวจีนที่มีตำรวจคอยอารักขาเต็มที่ แต่ ททท. กลับไม่พบว่ามีแพคเกจนี้ขายอยู่
เริ่มที่เรื่องคนไทยถูกแย่งอาชีพก่อน หลังผู้ประกอบการย่านเยาวราชแชร์เรื่องราวกันผ่านโซเชียลมีเดียว่า อัตลักษณ์ของเยาวราชกำลังถูกกลืนกินและค่อย ๆ หายไปเพราะร้านอาหารของคนไทยเชื้อสายจีนที่มีมายาวนานเริ่มกลายเป็นร้านอาหารที่เจ้าของเป็นนายทุนจีนไปมากกว่าครึ่ง!!
ผู้ประกอบการไทยเริ่มเดือดร้อนแล้ว รู้ยัง?
คำบอกเล่าจากร้านอาม่งหม่าล่า ผู้ประกอบการในเยาวราช บอกว่าคนจีนที่เข้ามาทำธุรกิจแค่ใช้วีซ่าท่องเที่ยวก็ทำได้ แถมยังไม่ต้องแบกรับภาษีอย่างผู้ประกอบการไทย วัตถุดิบที่ใช้ก็มาจากจีน
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
ตามกฎหมายไทย คนจีนเป็นเจ้าของธุรกิจได้หรือไม่?
กฎหมายไทยอ่อนแอเกินไปหรือไม่ ทำไมจึงไม่สามารถคุ้มครองผู้ประกอบการชาวไทยเชื้อสายจีนที่ทำธุรกิจมาก่อนในย่านเยาวราชได้ทั้งที่ควรให้สิทธิและผลประโยชน์กับคนในประเทศไทยก่อน
กฎหมายของทุกประเทศส่วนใหญ่มุ่งเน้นคุ้มครองและให้สิทธิในการทำธุรกิจของพลเมืองภายในประเทศก่อนเสมอ ถ้าดูตามกฎหมาย ไทยเองก็เข้าข่ายเช่นนั้นพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 บัญชีสาม วรรค (19) ระบุว่า คนต่างด้าวจะประกอบธุรกิจการขายอาหารและเครื่องดื่มได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากอธิบดีโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนตางด้าวก่อน เพราะธุรกิจร้านอาหารยังถูกจัดอยู่ในบัญชีสาม ซึ่งเป็นธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันกับคนต่างด้าว
เท่ากับว่าหากคนจีนไม่ได้รับอนุญาติให้ประกอบธุรกิจจากคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนตางด้าวก่อนก็จะไม่สามารถเปิดธุรกิจได้ แล้วทำไมร้านจำนวนมากในเยาวราชปัจจุบันจึงเป็นธุรกิจของชาวจีนไปได้?
ธุรกิจนอมินี แค่มีวีซ่าท่องเที่ยว คนจีนก็เป็นเข้าของธุรกิจได้
ก่อนที่คนจีนจะเข้ามาทำธุรกิจในย่านเยาวราชแข่งกับคนไทยได้ ด่านแรกก็คือการขอวีซ่าเข้าประเทศไทย วีซ่าของคนจีนที่เข้ามาเป็นวีซ่าท่องเที่ยวซึ่งเคยมีระยะเวลาการพักอาศัยในไทย 15 วัน แต่ปัจจุบันมีมติคณะรัฐมนตรีให้ขยายเวลาเป็น 30 วันแล้ว แต่จุดประสงค์ของวีซ่ายังเหมือนเดิม คือการเข้ามาท่องที่ยวและอาศัยอยู่ในประเทศไทยในระยะสั้น แต่สาเหตุที่คนจีนเหล่านี้กลายเป็นเจ้าของธุรกิจได้ก็เพราะธุรกิจสีเทาที่มีมายาวนานอย่าง 'ธุรกิจนอมินี (Nominee)'
ธุรกิจนอมินีคือการที่คนไทยที่อยู่ในประเทศไทยเป็นตัวแทนใส่ชื่อจดทะเบียนเป็นเจ้าของธุรกิจแทนนายทุนจีนที่เป็นเจ้าของธุรกิจตัวจริง หรือใส่ชื่อเป็นผู้ถือหุ้นเกินครึ่ง เพราะถ้ามีคนไทยถือหุ้นเกินร้อยละ 51 ก็จะถือว่าเป็นบริษัทไทยและเปิดธุรกิจร้านอาหารได้
เมื่อคนจีนที่ใช้วีซ่าท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยไม่สามารถเปิดธุรกิจเองได้ จึงทำให้มีคนไทยจำนวนมากรับจ้างเปิดธุรกิจเป็นฉากหน้าให้คนจีน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย
ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ในขั้นตอนการจดทะเบียน กำหนดให้คนไทยที่ร่วมลงทุนในนิติบุคคลต้องแสดงหลักฐานที่ธนาคารออกให้เพื่อรับรองหรือแสดงฐานะการเงินที่แสดงว่ามีทรัพย์สินเพียงพอที่จะลงทุนในนิติบุคคลได้ โดยบริษัทจำกัดที่จะถือว่าเป็นของคนไทยจะต้องมีคนไทยถือหุ้นตั้งแต่ร้อยละ 51 หรือถือหุ้นข้างมาก
ขั้นตอนการจดทะเบียนไม่สามารถป้องกันไม่ให้คนจีนเป็นเจ้าของธุรกิจในไทยได้ แถมยังเป็นช่องโหว่ของกฎหมายให้เกิดธุรกิจนอมินี แค่มีคนไทยเข้ามาเป็นนอมินี ชาวจีนก็สามารถทำธุรกิจได้แล้ว
หลังจากผู้ประกอบการย่านเยาวราชออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เผยว่าการแก้ปัญหานี้ต้องได้รับการตรวจสอบที่เข้มงวดและความร่วมมือจากหลายฝ่าย พร้อมย้ำว่าคนไทยที่ถือหุ้นแทนต่างด้าวหรือร่วมเข้าชื่อเป็นผู้ถือหุ้นโดยไม่ได้ร่วมลงทุนจริง หรือสนับสนุนให้คนต่างด้าวมาประกอบกิจการในไทยโดยแสดงว่าเป็นธุรกิจของคนไทยเพื่อให้เจ้าของธุรกิจคนจีนสามารถหลีกเลี่ยงกฎหมายได้จะถือว่ากระทำความผิดตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000 50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน
แต่แม้จะมีกฎหมายลงโทษ แต่ธุรกิจนอมินีก็เหมือนธุรกิจสีเทาอื่นที่ก็ยังมีอยู่ในปัจจุบัน
คนจีนแย่งตลาดคนไทยเพราะทุนหนากว่า แต่เม็ดเงินส่วนใหญ่กลับสู่จีน
เมื่อคนจีนเข้ามาประกอบธุรกิจไทยในไทยในรูปแบบของเจ้าของคนไทยที่เป็นนอมินีทำให้คนไทยเชื้อสายจีนที่ทำธุรกิจค้าขายอาหารมาก่อนในย่าวเยาวราชถูกแย่งชิงตลาด เพราะนายทุนจีนที่เข้ามามีทุนหนากว่าทำให้สามารถเปิดร้านขายอาหารและเครื่องดื่มขนาดใหญ่และสามารถขายตัดราคาคนไทยได้
เมื่ออาหารของผู้ประกอบการชาวจีนแท้ถูกกว่า ทำให้รายได้ของคนไทยในย่านเยาวราชได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ การจัดหาวัตถุดิบอาหารจีนก็มีแหล่งซัพพลายเออร์ที่หาได้ง่ายอยู่แล้วและต้นทุนยังราคาถูกกว่าด้วยเพราะสามารถสั่งเข้ามาได้ปริมาณมากต่อครั้ง
ในเรื่องภาษีเจ้าของธุรกิจร้ายขายอาหารจำเป็นจะต้องเสียภาษีเงินได้ หรือถ้าหากจดทะเบียนเป็นบริษัทก็จะต้องเสียภาษีตามเกณฑ์ธุรกิจ SME กำไรจากธุรกิจจะถูกนำมาคำนวณเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ถ้าหากมีกำไรสุทธิไม่เกิน 300,000 บาท จะได้รับการยกเว้นภาษี หากมีกำไรสุทธิ 300,000-3,000,000 บาท จะเสียภาษี 15% หากมีกำไรสุทธิเกิน 3,000,000 บาทขึ้นไปจะเสียภาษี 20%
อย่างไรก็ตาม ขณะที่การที่คนจีนเข้ามาทำธุรกิจต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าวและไม่ก่อให้เกิดรายได้กับคนไทย แถมยังเข้ามาตัดราคาและแข่งขันกับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) ของไทย แม้ว่าการเปิดบริษัทแบบนอมินีจะต้องเสียภาษีบริษัทเช่นเดียวกัน แต่อำนาจในการตัดสินใจดำเนินการของธุรกิจก็อยู่ที่นายทุนจีน รวมทั้งเม็ดเงินและกำไรส่วนใหญ่กลับไหลออกนอกประเทศไทยไปกับนายทุนจีนที่เป็นเจ้าของตัวจริง
เท่ากับว่า การที่คนจีนเข้ามาประกอบธุรกิจในไทย นอกจากจะทำให้ร้านค้าขนาดเล็กเดือดร้อนเพราะต้องสู้กับนายทุนใหญ่จากจีนแล้วและแบกรับต้นทุนมากมายแล้ว ประเทศไทยเองก็แทบจะไม่ได้อะไรเลยจากผู้ประกอบการชาวจีนและธุรกิจนอมินี
ประเด็นระหว่างไทยและจีนดูเหมือนจะยังไม่มีที่สิ้นสุด ล่าสุดก็เกิดประเด็นตำรวจไทยพานักท่องเที่ยวจีนเข้าประเทศแบบ VIP ที่ทำให้คนไทยตั้งคำถามขึ้นมาอีกครั้ง ว่าตกลงแล้วธุรกิจสีเทาที่เอื้อให้กับจีนในประเทศไทยจะมีอยู่ทุกแง่มุมของชีวิตเลยหรือไม่ และมีมานานแค่ไหนแล้ว
ไม่แน่ว่าความสัมพันธ์แบบ "เมืองพี่-เมืองน้อง" อาจจะหมายถึงการเอื้อประโยชน์ให้เกิดธุรกิจสีเทาจากจีนหรือไม่ ขณะที่คนไทยเองกลับไม่ได้รับการคุ้มครองที่ควรได้เพราะกฎหมายไม่เข้มแข็งพอ จนผู้ประกอบการในย่านเยาวราชที่เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากธุรกิจสีเทาที่มีอิทธิพลมหาศาลเลยต้องออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม
credit https://brandinside.asia/chinese-owned-restaurants-in-yaowarat/
ผู้ประกอบการไทยเริ่มเดือดร้อนแล้ว รู้ยัง?
คำบอกเล่าจากร้านอาม่งหม่าล่า ผู้ประกอบการในเยาวราช บอกว่าคนจีนที่เข้ามาทำธุรกิจแค่ใช้วีซ่าท่องเที่ยวก็ทำได้ แถมยังไม่ต้องแบกรับภาษีอย่างผู้ประกอบการไทย วัตถุดิบที่ใช้ก็มาจากจีน
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
ตามกฎหมายไทย คนจีนเป็นเจ้าของธุรกิจได้หรือไม่?
กฎหมายไทยอ่อนแอเกินไปหรือไม่ ทำไมจึงไม่สามารถคุ้มครองผู้ประกอบการชาวไทยเชื้อสายจีนที่ทำธุรกิจมาก่อนในย่านเยาวราชได้ทั้งที่ควรให้สิทธิและผลประโยชน์กับคนในประเทศไทยก่อน
กฎหมายของทุกประเทศส่วนใหญ่มุ่งเน้นคุ้มครองและให้สิทธิในการทำธุรกิจของพลเมืองภายในประเทศก่อนเสมอ ถ้าดูตามกฎหมาย ไทยเองก็เข้าข่ายเช่นนั้นพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 บัญชีสาม วรรค (19) ระบุว่า คนต่างด้าวจะประกอบธุรกิจการขายอาหารและเครื่องดื่มได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากอธิบดีโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนตางด้าวก่อน เพราะธุรกิจร้านอาหารยังถูกจัดอยู่ในบัญชีสาม ซึ่งเป็นธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันกับคนต่างด้าว
เท่ากับว่าหากคนจีนไม่ได้รับอนุญาติให้ประกอบธุรกิจจากคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนตางด้าวก่อนก็จะไม่สามารถเปิดธุรกิจได้ แล้วทำไมร้านจำนวนมากในเยาวราชปัจจุบันจึงเป็นธุรกิจของชาวจีนไปได้?
ธุรกิจนอมินี แค่มีวีซ่าท่องเที่ยว คนจีนก็เป็นเข้าของธุรกิจได้
ก่อนที่คนจีนจะเข้ามาทำธุรกิจในย่านเยาวราชแข่งกับคนไทยได้ ด่านแรกก็คือการขอวีซ่าเข้าประเทศไทย วีซ่าของคนจีนที่เข้ามาเป็นวีซ่าท่องเที่ยวซึ่งเคยมีระยะเวลาการพักอาศัยในไทย 15 วัน แต่ปัจจุบันมีมติคณะรัฐมนตรีให้ขยายเวลาเป็น 30 วันแล้ว แต่จุดประสงค์ของวีซ่ายังเหมือนเดิม คือการเข้ามาท่องที่ยวและอาศัยอยู่ในประเทศไทยในระยะสั้น แต่สาเหตุที่คนจีนเหล่านี้กลายเป็นเจ้าของธุรกิจได้ก็เพราะธุรกิจสีเทาที่มีมายาวนานอย่าง 'ธุรกิจนอมินี (Nominee)'
ธุรกิจนอมินีคือการที่คนไทยที่อยู่ในประเทศไทยเป็นตัวแทนใส่ชื่อจดทะเบียนเป็นเจ้าของธุรกิจแทนนายทุนจีนที่เป็นเจ้าของธุรกิจตัวจริง หรือใส่ชื่อเป็นผู้ถือหุ้นเกินครึ่ง เพราะถ้ามีคนไทยถือหุ้นเกินร้อยละ 51 ก็จะถือว่าเป็นบริษัทไทยและเปิดธุรกิจร้านอาหารได้
เมื่อคนจีนที่ใช้วีซ่าท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยไม่สามารถเปิดธุรกิจเองได้ จึงทำให้มีคนไทยจำนวนมากรับจ้างเปิดธุรกิจเป็นฉากหน้าให้คนจีน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย
ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ในขั้นตอนการจดทะเบียน กำหนดให้คนไทยที่ร่วมลงทุนในนิติบุคคลต้องแสดงหลักฐานที่ธนาคารออกให้เพื่อรับรองหรือแสดงฐานะการเงินที่แสดงว่ามีทรัพย์สินเพียงพอที่จะลงทุนในนิติบุคคลได้ โดยบริษัทจำกัดที่จะถือว่าเป็นของคนไทยจะต้องมีคนไทยถือหุ้นตั้งแต่ร้อยละ 51 หรือถือหุ้นข้างมาก
ขั้นตอนการจดทะเบียนไม่สามารถป้องกันไม่ให้คนจีนเป็นเจ้าของธุรกิจในไทยได้ แถมยังเป็นช่องโหว่ของกฎหมายให้เกิดธุรกิจนอมินี แค่มีคนไทยเข้ามาเป็นนอมินี ชาวจีนก็สามารถทำธุรกิจได้แล้ว
หลังจากผู้ประกอบการย่านเยาวราชออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เผยว่าการแก้ปัญหานี้ต้องได้รับการตรวจสอบที่เข้มงวดและความร่วมมือจากหลายฝ่าย พร้อมย้ำว่าคนไทยที่ถือหุ้นแทนต่างด้าวหรือร่วมเข้าชื่อเป็นผู้ถือหุ้นโดยไม่ได้ร่วมลงทุนจริง หรือสนับสนุนให้คนต่างด้าวมาประกอบกิจการในไทยโดยแสดงว่าเป็นธุรกิจของคนไทยเพื่อให้เจ้าของธุรกิจคนจีนสามารถหลีกเลี่ยงกฎหมายได้จะถือว่ากระทำความผิดตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000 50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน
แต่แม้จะมีกฎหมายลงโทษ แต่ธุรกิจนอมินีก็เหมือนธุรกิจสีเทาอื่นที่ก็ยังมีอยู่ในปัจจุบัน
คนจีนแย่งตลาดคนไทยเพราะทุนหนากว่า แต่เม็ดเงินส่วนใหญ่กลับสู่จีน
เมื่อคนจีนเข้ามาประกอบธุรกิจไทยในไทยในรูปแบบของเจ้าของคนไทยที่เป็นนอมินีทำให้คนไทยเชื้อสายจีนที่ทำธุรกิจค้าขายอาหารมาก่อนในย่าวเยาวราชถูกแย่งชิงตลาด เพราะนายทุนจีนที่เข้ามามีทุนหนากว่าทำให้สามารถเปิดร้านขายอาหารและเครื่องดื่มขนาดใหญ่และสามารถขายตัดราคาคนไทยได้
เมื่ออาหารของผู้ประกอบการชาวจีนแท้ถูกกว่า ทำให้รายได้ของคนไทยในย่านเยาวราชได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ การจัดหาวัตถุดิบอาหารจีนก็มีแหล่งซัพพลายเออร์ที่หาได้ง่ายอยู่แล้วและต้นทุนยังราคาถูกกว่าด้วยเพราะสามารถสั่งเข้ามาได้ปริมาณมากต่อครั้ง
ในเรื่องภาษีเจ้าของธุรกิจร้ายขายอาหารจำเป็นจะต้องเสียภาษีเงินได้ หรือถ้าหากจดทะเบียนเป็นบริษัทก็จะต้องเสียภาษีตามเกณฑ์ธุรกิจ SME กำไรจากธุรกิจจะถูกนำมาคำนวณเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ถ้าหากมีกำไรสุทธิไม่เกิน 300,000 บาท จะได้รับการยกเว้นภาษี หากมีกำไรสุทธิ 300,000-3,000,000 บาท จะเสียภาษี 15% หากมีกำไรสุทธิเกิน 3,000,000 บาทขึ้นไปจะเสียภาษี 20%
อย่างไรก็ตาม ขณะที่การที่คนจีนเข้ามาทำธุรกิจต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าวและไม่ก่อให้เกิดรายได้กับคนไทย แถมยังเข้ามาตัดราคาและแข่งขันกับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) ของไทย แม้ว่าการเปิดบริษัทแบบนอมินีจะต้องเสียภาษีบริษัทเช่นเดียวกัน แต่อำนาจในการตัดสินใจดำเนินการของธุรกิจก็อยู่ที่นายทุนจีน รวมทั้งเม็ดเงินและกำไรส่วนใหญ่กลับไหลออกนอกประเทศไทยไปกับนายทุนจีนที่เป็นเจ้าของตัวจริง
เท่ากับว่า การที่คนจีนเข้ามาประกอบธุรกิจในไทย นอกจากจะทำให้ร้านค้าขนาดเล็กเดือดร้อนเพราะต้องสู้กับนายทุนใหญ่จากจีนแล้วและแบกรับต้นทุนมากมายแล้ว ประเทศไทยเองก็แทบจะไม่ได้อะไรเลยจากผู้ประกอบการชาวจีนและธุรกิจนอมินี
ประเด็นระหว่างไทยและจีนดูเหมือนจะยังไม่มีที่สิ้นสุด ล่าสุดก็เกิดประเด็นตำรวจไทยพานักท่องเที่ยวจีนเข้าประเทศแบบ VIP ที่ทำให้คนไทยตั้งคำถามขึ้นมาอีกครั้ง ว่าตกลงแล้วธุรกิจสีเทาที่เอื้อให้กับจีนในประเทศไทยจะมีอยู่ทุกแง่มุมของชีวิตเลยหรือไม่ และมีมานานแค่ไหนแล้ว
ไม่แน่ว่าความสัมพันธ์แบบ "เมืองพี่-เมืองน้อง" อาจจะหมายถึงการเอื้อประโยชน์ให้เกิดธุรกิจสีเทาจากจีนหรือไม่ ขณะที่คนไทยเองกลับไม่ได้รับการคุ้มครองที่ควรได้เพราะกฎหมายไม่เข้มแข็งพอ จนผู้ประกอบการในย่านเยาวราชที่เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากธุรกิจสีเทาที่มีอิทธิพลมหาศาลเลยต้องออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม
credit https://brandinside.asia/chinese-owned-restaurants-in-yaowarat/
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย MacOS
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google