ละคร เจ้าหญิงแตงอ่อน

ดู 8,062 ครั้ง / แชร์
ละครออกอากาศ วันเสาร์ วันอาทิตย์
ช่องที่ออกอากาศ ละครช่อง 7
เริ่มออกอากาศ 8 กันยายน 2555
เวลาออกอากาศ 08:15 - 09:30 น.
  
กำกับโดย คูณฉกาจ วรสิทธิ์
นำแสดงโดย
ชญานิน เต่าวิเศษ ... ไวยราช
พิชญารัตน์ เกษสำลี ... พระธิดาแตงอ่อน
พัชรมัย สุขประเสริฐ ... จันทร์วดี
ศตวรรษ ดุลยวิจิตร ... พระราชาแ่ห่งตะนูวดีนคร
เด๋อ ดอกสะเดา ... อำมาตย์สิทธา
ชุติมา เอเวอรี่ ... มเหสีรัศมีเทวี
เจษฎา รุ่งสาคร ... อินทร์
โชติวิทย์ โชคงาม ... พระโอรสไวกรูย์

ภาพนิ่งจากละคร

เรื่องย่อ เจ้าหญิงแตงอ่อน

ณ ตะนูวดี นครใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ พระราชาและมเหสีกำลังปลื้มปีติที่นางสนมเอกได้ให้กำเนิด "ไวยราช" (ชญานิน เต่าวิเศษ) โอรสพระองค์แรก พร้อมปรึกษากันถึงกฎมณเทียรบาล ที่จะต้องยกพระสนมเอกให้ขึ้นเป็นมเหสีแทน แต่พระสนมเอกไม่ต้องการจะหลู่พระเกียรติมเหสี นางจึงไม่ยอมรับตำแหน่งและจะทำตัวสูญหายไปเอง แต่มเหสีผู้มีใจอารีย์ก็ห้ามไว้

บรรดาข้าราชทั้งปวงต่างก็วิจารณ์ต่างๆ นานา ยังความหนักใจให้พระราชายิ่ง จึงทรงเรียกโหรา และเสนาอำมาตย์ผู้ใหญ่เข้าพบ อำมาตย์ถวายแนะให้ทรงถ่วงเวลาไว้ชั่วคราว แล้วค่อยคิดการณ์ต่อไปพระโอรสไวยราชได้รับความรักจากบิดา และพระมเหสีมากทรงชอบการต่อสู้ทุกชนิดมีทั้งเพื่อนซึ่งเป็นลูกเสนาอำมาตย์ และทหารประลองกำลังต่อสู้เสมอ ส่วนแม่ก็คอยอบรมสั่งสอนให้รู้จักเคารพรัก แม่ใหญ่ ตลอดมา มเหสีทรงคิดว่าถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปก็จะทำให้พระราชาเสื่อมพระเกียรติจึงคิดลอบหนีเพื่อจะไปบวชในป่าใหญ่ ขบวนม้าของอำมาตย์ตามมาทันขณะที่มเหสีมีอาการผิดปกติ

ต่อมาจึงรู้ว่าเป็นอาการแพ้ท้องมเหสีมีประสูติกาลพระโอรสไวกูรย์ (โชติวิทย์ โชคงาม) และพระธิดาแตงอ่อน (พิชญารัตน์ เกษสำลี) ตามลำดับ พระราชาจึงต้องเปลี่ยนแผนให้เจ้าชายไวกูรย์ ซึ่งเกิดแต่พระมเหสีเอกเป็นผู้มีสิทธิ์จะสืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป ส่วนเจ้าหญิงแตงอ่อนนั้นแม้ว่าจะยังทรงพระเยาว์อยู่แต่ก็งดงามจนเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว

ด้าน ไวยราช ก็รั้งตำแหน่งอุปราชเพื่อคอยช่วยเหลือเจ้าชายไวกูรย์ อำมาตย์ผู้มีใจคิดคดพยายาม เสี้ยมสอนพระโอรสไวยราชให้ชิงชังน้อง พระโอรสไขว้เขวหลงเชื่อจึงเข้าลาพระบิดาเพื่อแสวงหาอาจารย์ดีมีวิชาตามธรรมนิยมของผู้มีเชื้อสายกษัตริย์ แม้พระสนมจะคัดค้านอย่างไรก็ไม่ฟัง ที่สุดก็ออกเดินทางไปเพื่อพบอสูรประกายรุ้งแห่งเขาเงินยวงเพื่อฝากตัวเป็นศิษย์ วันหนึ่งพระราชาคิดสถาปนาโอรสไวกูรย์ขึ้นครองราชย์ อสูรประกายรุ้งจึงส่งกองกำลังผีพรายบุกเมืองเข่นฆ่าผู้คนรวมทั้ง พระราชา ส่วนตัวเองก็ทำเป็นใจดีเดินทางมาพร้อมไวยราชเพื่อต่อสู้ช่วยเหลือ

และเมื่อปราบบฝูงพรายได้สำเร็จ อสูรประกายรุ้งก็ใช้อำนาจสถาปนาเจ้าชายไวยราชขึ้นเป็นพระราชา และสะกดไวยราชให้รวบรัดเอาเจ้าหญิงแตงอ่อนพระขนิษฐาเป็นพระมเหสี เจ้าหญิงไม่ยินยอมและไวยราชพลั้งมือฆ่านางตาย เจ้าชายไวกูรย์อุ้มศพน้องสาวหวังไปกระโดดหน้าผาตายด้วยกัน แต่แม่พระธรณีเข้ามาช่วยไว้ และเจ้าหญิงแตงอ่อนก็ได้ฟื้นคืนชีพ สองพี่น้องปลูกกระท่อมเล็กๆ อยู่รึมบึง และเริ่มทำมาหากินกับชาวบ้าน ตกกลางคืนเจ้าชายฝันว่ามีพญาจระเข้จำศีลภาวนาใต้พื้นพิภพที่พวกตนปลูกกระท่อมอยู่ โดยบอกว่าหากต้มน้ำหรือหุงทำอาหารอย่าให้น้ำเดือดหกราดลงในผืนแผ่นดินนี้เป็นอันขาดมิฉะนั้นจะเกิดอันตรายใหญ่หลวงขึ้นแต่แล้วด้วยเวรกรรมยังไม่หมดไม่สิ้น

วันหนึ่งเจ้าหญิงแตงอ่อนบังเอิญลืมข้อห้ามนี้ได้เทน้ำข้าวเดือดๆ ลงบนพื้นดินทำให้พญาจระเข้ที่จำศีลอยู่ ใต้พิภพร้อนทุรนทุรายด้วยพิษร้อนของน้ำข้าว จึงดิ้นสะบัดตัวไปมาจนทำให้เกล็ดจระเข้กระเด็นลงไป ในหม้อข้าวของเจ้าหญิงแตง อ่อนโดยที่นางไม่รู้และเมื่อเจ้าชายไวกูรย์กลับจากทำไร่และได้กินข้าว ที่มีเกล็ดจระเข้ปนอยู่เข้าไปร่างกายของไวกูรย์จึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นจระเข้คลานลงไปอาศัยอยู่ในบึงน้ำข้างกระท่อม เจ้าหญิงแตงอ่อนร้องไห้คร่ำครวญเสียงของนางลอยไปตามลมเข้าสู่พระกรรณ์ของเจ้าชายไพรงามแห่งเมืองโกสีที่ได้ออกมาประพาสป่าล่าสัตว์อยู่ใกล้ๆ เจ้าชายเสด็จมาตามเสียงร้องไห้จนได้พบกับเจ้าหญิงแตงอ่อนและเกิดหลงรักในทันที จึงรับนางไปอภิเษกและให้เจ้าชายไวกูรย์ในร่างจระเข้เข้าไปอาศัยอยู่ในบึงน้ำกลางอุทยานหลวง ยังความอิจฉามาให้บรรดานางๆ ทั้งหลายของเจ้าชายไพรงาม

วันเวลาผ่านไปเจ้าหญิงแตงอ่อนมีประสูติกาลทารกน้อย บรรดานางๆ ที่คอยทีอยู่ก็แอบสับเปลี่ยนเอาลูกจระเข้มาใส่เปลแทนแล้วเอาทารกน้อยใส่ไหไปฝังในป่า ก่อนเพ็ดทูลว่าเจ้าหญิงแตงอ่อนทรงคบชู้กับจระเข้ เจ้าชายไพรงามทรงพิโรธโกรธเกรี้ยวเจ้าหญิงแตงอ่อนให้ขับไล่ออกไปจากเมืองพร้อมกับจระเข้เจ้าชายไวกูรย์ ทั้งสองจึงต้องระเหเร่ร่อนอีกครั้ง ร้อนถึงองค์อัมรินทร์นั่งไม่เป็นสุข ต้องเหาะลงมาเพื่อบอกทางสว่างโดยให้เจ้าหญิงแตงอ่อนทรงบำเพ็ญศีลภาวนาและด้วยผลบุญอันนั้นทำให้เจ้าชายไวกูรย์กลับกลายมาเป็นคนอีกครั้ง และด้วยที่ประสบเคราะห์กรรมมาทำให้เจ้าชายไวกูรย์ ทรงมุ่งมั่นในการบำเพ็ญ เพียรภาวนาอีกองค์หนึ่งด้วย

ส่วนโอรสน้อยเกตุทิพย์บดีที่ได้ถูกนำไปฝังไว้ในป่าก็ได้พระแม่พฤกษาได้ทรงชุบเลี้ยง และถ่ายทอดเวทมนต์คาถาให้ ครั้นเมื่อเจริญชันษาพอที่จะรับรู้เรื่องราวพระแม่พฤกษาก็ได้บอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆ เกี่ยวกับชาติกำเนิดของพระองค์ให้ทรงทราบ พระโอรสเกตุทิพย์บดีรู้เรื่องราวจึงเดินทางกลับเข้าเมืองโกสีทูลเล่าเรื่องราวให้พระบิดาฟังเมื่อรู้ความจริงเจ้าชายไพรงามก็ดั้นด้นออกตามหาเจ้าหญิงแตงอ่อนเพื่ออ้อนวอนขอคืนดี ส่วนเจ้าชายไวกูรย์หลงใหลในรสพระธรรมไม่ยอมลาออกจากเพศ นักพรต จึงให้น้องสาวกลับเข้าไปในเมืองเพียงองค์เดียว

ฝ่ายพญายักษ์รณชิตเมื่อโหรหลวงได้ทำนายว่าจะมีผู้มีบุญมาถือกำเนิดในเมืองยักษ์ของตนก็ดีใจเที่ยวค้นหาผู้มีบุญและนำตัวเจ้าหญิงแตงอ่อนมาไว้ในเมืองด้วยเข้าใจว่าเป็นผู้มีบุญคนนั้น แต่แล้วผู้มีบุญตัวจริงก็ได้ถือกำเนิดในดอกบัวกลางสระในอุทยานหลวงและได้ชื่อว่า ปทุมธิดา

พระธิดาปทุมธิดามักจะสนิทสนมใกล้ชิดเจ้าหญิงแตงอ่อนมากกว่าพระพี่เลี้ยง ที่เป็นนางยักษ์ทั้งหลาย และเรียกเจ้าหญิงแตงอ่อนว่าเสด็จแม่ ทำให้พระมเหสียักษ์ซึ่งไม่ชอบเจ้าหญิงแตงอ่อนถือโอกาสจับเจ้าหญิงแตงอ่อนขังไว้ในสถูป แต่เจ้าชายไพรงามกับพระโอรสเกตุทิพย์บดีมาช่วยไว้ได้ พระธิดาปทุมธิดาขอติดตามเจ้าหญิงแตงอ่อนกลับไปเมืองมนุษย์ด้วย ครั้นเมื่อขบวนเสด็จเดินทางมาถึงเมืองตะนูวดีที่พวกอสูรดำครอบครองโดยมีเจ้าชายไวยราชเป็นหุ่นเชิด จึงเกิดการสู้รบกันขึ้นพระโอรสได้ดาบวิเศษจากพระแม่พฤกษาที่นำมามอบให้บวกกับพระเวทย์มนตรา และรวมกำลังกับพระบิดาไพรงาม ก็ทำลายล้างพวกเหล่าอสูรร้ายและทำลายมนต์ดำที่ครอบงำเจ้าชายไวยราชอยู่เสียสิ้น