เปิดบ้านแสนอบอุ่นย้อนความทรงจำในวัยเด็กของ เติ้ง

"เติ้ง - ภราดร ศิรโกวิท" นักแสดงนำจากภาพยนตร์เรื่อง "9 วัด" เปิดบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เด็กให้ได้ชมกัน โดยการตกแต่งและรูปแบบบ้านของหนุ่มมากความสามารถคนนี้นั้นจะเป็นอย่างไร สวยงามหรืออบอุ่นแค่ไหนนั้น ต้องไปดูกัน

ตอนนี้ผลงานปัจจุบันมีอะไรบ้าง

"ผมทำงานประจำอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง เป็นที่ปรึกษาด้านแบรนด์ เหมือนคอยตรวจสุขภาพให้แบรนด์ต่างๆ ว่าช่วงนี้สุขภาพดีหรือไม่ดี และก็รับดูแลออกแบบเว็บไซต์ การตลาด มีเดีย ให้กับลูกค้า ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าโรงแรม นอกจากงานประจำแล้ว ตอนนี้ก็มีผลงานการแสดงภาพยนตร์ไทยเรื่อง 9 วัด งานกำกับภาพยนตร์โดย พี่ยู (ษรัณยู จิราลักษม์) ของค่ายโอเรียนทัล อายส์"

รับบทเป็นใครในเรื่อง 9 วัด

"ผมรับบทเป็นพระสุจิตโต ซึ่งกับการแสดงเรื่องนี้ผมยอมหยุดงานทุกอย่างเพื่อโกนผมโกนคิ้วมารับบทพระ เทคิวการทำงานให้ภาพยนตร์ก่อนเลย เล่นกับ นุ่น - ศิรพันธ์ วัฒนจินดา, เจมส์ แมคกี้ และ พี่ต่าย - เพ็ญพักตร์ ศิริกุล จะเข้าโปรแกรมต้อนรับเทศกาลสงกรานต์วันที่ 13 เมษายน นี้ ครับ"

อยู่บ้านหลังนี้มานานแค่ไหนแล้ว

"ประมาณ 20 ปีได้ครับ บ้านหลังนี้ไม่ได้อยู่ตั้งแต่เกิด เพราะตอนเด็กๆ ตอนเรียนอยู่ชั้น ป. 1 คุณพ่อต้องไปทำงานที่ประเทศศรีลังกา เลยย้ายครอบครัวไปอยู่ที่นั่น พอกลับมาประเทศไทย ตอนชั้น ป. 5 เข้าเรียนที่โรงเรียนบางกอกพัฒนา ซึ่งอยู่ละแวกแถวลาซาลนี้ คุณพ่อเลยซื้อบ้านที่นี่ไว้ครับ ตั้งแต่ยังเป็นถนนสองเลน ไม่มีท่อระบายน้ำ เวลาฝนตกน้ำก็ท่วมเลย จนตอนนี้ถนนพัฒนาขึ้นแล้วครับ"

ตอนที่ย้ายเข้ามาอยู่ช่วงแรกบ้านเป็นอย่างไร

"ตอนซื้อเป็นบ้านจัดสรรธรรมดาครับ แต่พ่อซื้อที่ดินไว้ให้ลูกเตะบอลด้วย เติ้งกับน้องชายที่ห่างกัน 3 ปีชอบเตะฟุตบอลมาก ตอนเด็กๆ บ้านหลังแรกเราอยู่ด้วยกัน ครอบครัวมี 4 คน พ่อแม่ ลูกชาย 2 คน ส่วนหลังที่อยู่ปัจจุบันนี้เพิ่งสร้างได้ 6 ปี เพราะพ่อไม่อยากให้ลูกสองคนไปไหน เลยสร้างบ้านให้ลูกอยู่ด้วยกันที่นี่ครับ"

การตกแต่งของบ้านเป็นแบบไหน

"โครงสร้างภายนอกของบ้านคุณพ่อให้สถาปนิกเป็นคนออกแบบให้ครับ ใช้เวลาสร้างประมาณ 7-8 เดือนผนังด้านนอกจะเป็นอิฐเปลือย ดูอบอุ่น แบบสไตล์คอตเทจ ตัวบ้านด้านล่างเป็นโถงโล่งๆ แต่ก็มีลูกเล่นด้วยผนังไม้สักลายฉลุที่พ่อซื้อมาจากอินโดนีเซีย ออกแนวบาหลี ส่วนชั้นบนของบ้าน คุณพ่อยกให้เป็นหน้าที่ของลูกๆ ตกแต่งกันเอง

ห้องนอนของน้องชายจะทาสีขาวดำ ออกแนวขรึมๆ สำหรับห้องนอนของเติ้งต้องการตกแต่งแบบชายทะเล แลดูสบายตา ทาผนังสีฟ้าซึ่งเป็นสีน้ำทะเล พื้นกระเบื้องห้องก็เหมือนพื้นทรายเหมือนเดินอยู่บนชายหาด เพดานด้านบนทาสีขาวเปรียบเสมือนท้องฟ้า ส่วนของตกแต่งเลือกรูปดอกไม้ 2 ชนิด คือ ดอกชบา กับดอกกล้วยไม้ ทั้งสองสีคอนทราสต์กัน ดอกชบาเป็นสีร้อน ดอกกล้วยไม้เป็นสีเย็น เปรียบเหมือนอารมณ์ร้อนกับอารมณ์เย็น เวลามองสองภาพนี้แล้ว เหมือนเตือนสติเรา ไม่ให้อารมณ์พาไป ส่วนเฟอร์นิเจอร์ชั้นวางของจะเลือกเป็นสีขาวจะได้ตัดกับสีฟ้าผนังของห้องครับ ในห้องนอนตรงหัวเตียงก็จะเลือกทาสีหลายๆ สีตัดกันเพิ่มลูกเล่นหน่อย ส่วนมุมโต๊ะนั่งทำงานพอเปิดหน้าต่างออกมาก็เจอกับต้นไม้ให้ความสดชื่นและร่มรื่นครับ"

มุมโปรดของบ้าน

"มุมโปรดของผม คือ ห้องรับแขก สำหรับดูทีวี มีโซฟานั่งสบายมากๆ มุมนี้สามารถฟังเพลง ดูหนัง ดูซีรีส์ อ่านหนังสือ ทำได้ทุกอย่าง แถมยังมีเปียโนด้วย เวลากลับบ้านมาเครียดๆ ผมก็จะเล่นเปียโน ร้องเพลง การเล่นดนตรีเป็นอีกวิธีที่ช่วยขจัดความเครียด เปียโนนี่ผมเริ่มเล่นมาตั้งแต่ 5-6 ขวบ เรียนมาเรื่อยๆ เป็นสิบปี จนทุกวันนี้เล่นได้คล่องเหมือนนักดนตรี ส่วนกีตาร์ก็เล่นได้บ้างครับ"

วันสบายอยู่บ้านทำอะไร

"ทำความสะอาดบ้านครับ ทุกวันเสาร์ผมก็จะขัดพื้นข้างล่าง อาบน้ำให้สุนัข หลังจากนั้นก็นอนดูหนัง ดูดีวีดี ซึ่งผมเริ่มสะสมมาตั้งแต่มีเครื่องเล่นดีวีดี ปัจจุบันก็มีอยู่หลายร้อยแผ่น ส่วนที่มีเป็นคอลเลกชันก็จะเป็นซีรีส์ตลกของอเมริกา ไซน์เฟลด์ (Jerry Seinfeld) เหมือนเดี่ยวไมโครโฟน มุกของเขาจะสนุกๆ เป็นเรื่องที่คนอื่นมองข้าม เป็นวัฒนธรรมฝรั่ง มีทั้งหมดเก้าซีซัน มีครบทุกซีซันเลย และที่ประทับใจเขาอีกอย่าง คือเขาเกษียณตัวเองในขณะที่เขาประสบความสำเร็จสูงสุด ถ้าให้เปรียบเขาเหมือน โน้ส อุดม (อุดม แต้พานิช) ของอเมริกาครับ"

สะสมอะไรอีกบ้าง

"ผมชอบอ่านหนังสือด้วย หนังสือประเภทฝึกพัฒนาตัวเอง หนังสือธรรมะก็มีเยอะ หนังสือที่เกี่ยวกับงานที่ทำ การสร้างแบรนด์ นวนิยายก็มีเยอะ ของนักเขียนบราซิลชื่อ เปาโล คูเอลญ (Paulo Coelho) นวนิยายของเขาดีมาก แปลสี่สิบกว่าภาษา เขาเขียนเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งไปผจญทะเลทราย เปรียบเหมือนคนธรรมดากำลังแสวงหาคำตอบบางอย่างในชีวิตว่าคนเราเกิดมาเพื่อตอบโจทย์อะไรให้กับตัวเอง ทำให้รู้ว่าตัวเองไม่เพอร์เฟกต์แต่อยากเป็นคนเก่ง

และมีนวนิยายของ แดน บราวน์ (Dan Brown) ที่เขียน ดาวินชี่โค้ด (The Da Vinci Code) ติดตามผลงานของเขาทุกเล่ม เพราะเขาเก่งด้านหาข้อมูลมาเขียนในหนังสือ ส่วนใหญ่เรื่องของเขาจะเป็นแนววิทยาศาสตร์ เรื่องศาสนา เสียดสีศาสนานิดๆ สนุกดี ส่วนหนังสือการ์ตูนก็สะสม แต่ตอนเด็กๆ ยังไม่มีเงินซื้อเอง พอโตแล้วเลยไปหาซื้อมาเก็บสะสม ชื่อว่า แอสเทอร์ริกซ์ (Asterix) เป็นการ์ตูนฝรั่งเศสเกี่ยวกับชนเผ่าเล็กๆ ที่ชื่อว่า เดอะ กอล ในฝรั่งเศส คือในยุคนั้นเป็นยุคโรมัน มี จูเลียส ซีซาร์ เป็นกษัตริย์ครอบครองอาณาจักรโรมันเกือบทั้งหมด แต่ไม่สามารถทำอะไรหมู่บ้านนี้ได้ เพราะว่าที่หมู่บ้านนี้มียาวิเศษ กินแล้วทำให้มีกำลังต่อสู้กับทหารโรมัน"

งานอดิเรกอย่างอื่น

"ชอบฟังเพลงร็อกครับ ชอบหลายวง อย่าง อินคูบัส (Incubus) มีทุกอัลบั้ม หรือ ยูทู (U2) สติง (Sting) เดอะ โปลิส (The Police) และ บ็อบ มาเลย์ (Bob Marley) ส่วนวันไหนถ้าว่างก็จะไปตีกอล์ฟ เล่นกอล์ฟมาได้ 6 ปีแล้ว มีวันหนึ่งพ่อชวนไปตีกับเพื่อนๆ ที่ทำงานขาดคนเลยไปตีด้วย ตั้งแต่วันนั้นก็หลงรักกีฬานี้เลย ชอบมากจริงๆ คุณพ่อให้ลองจับไม้เล่นตั้งแต่ 10-11 ขวบ แต่เด็กๆ ชอบวิ่งเล่นมากกว่า พอโตขึ้นมารู้สึกว่ากีฬานี้เจ๋งดี ต้องมีสมาธิแน่วแน่ หาจุดศูนย์กลางของใจเรา ทำจิตให้นิ่ง ห้ามฟุ้งซ่าน เหมือนทดสอบตัวเอง แข่งกับตัวเอง แข่งกับใจตัวเองว่าเจอสถานการณ์บีบคั้นอย่างนี้ เราจะทำอย่างไรกับมัน"

สัตว์เลี้ยงที่บ้านมีอะไรบ้าง

"ที่บ้านเลี้ยงหมามาตลอดครับ ตอนนี้มี 2 ตัว ตัวแรกชื่อซิมบ้า เป็นโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ อายุสิบปีได้ ไปเจอที่ เซ็นทรัล บางนา เห็นแล้วหลงรัก เขาจะนิ่งๆ เชื่อฟัง ส่วนสเตลล่าอายุสามปีกว่า นิสัยซนมาก แต่ชอบคุยกับเรา เวลาหิวเขาก็จะเห่าให้รู้ว่าถึงเวลากินข้าวแล้วนะ เขาชอบสื่อสารกับเรา สาเหตุที่ชอบสุนัขเพราะเป็นสัตว์ที่จริงใจ รักเจ้าของแบบไม่มีข้อแม้ เป็นอันคอนดิชันนัลเลิฟ วันไหนอยู่บ้านตอนเย็นผมก็จะพาไปเดินเล่นแถวๆ หมู่บ้าน หรือบางครั้งก็จะพาไปว่ายน้ำที่บึงตะโก้ ตอนที่ผมไปเล่นเวคบอร์ด ส่วนการดูแลผมจะอาบน้ำให้เขาทุกสัปดาห์ และพาไปฉีดยาป้องกันโรคตามกำหนดเวลา"

สุดท้ายฝากถึงผลงานภาพยนตร์เรื่อง 9 วัด

"ผลงานภาพยนตร์เรื่อง 9 วัด นี้ ถือเป็นงานไฮไลต์ของชีวิตผมเลย ได้ทำงานที่รัก ที่ชอบและสนุกกับการทำงานมาก เพราะผมได้ร่วมงานกับทีมงานที่ไฟแรง พี่ยู ผู้กำกับภาพยนตร์ที่เก่ง นักแสดง นุ่น ศิรพันธ์, พี่ต่าย เพ็ญพักตร์ ก็มืออาชีพ และได้ทำงานกับค่ายหนัง โอเรียนทัล อายส์ ที่กำลังก้าวไปข้างหน้า และผมได้เป็นส่วนหนึ่งในโปรเจกต์ความตั้งใจของหลายๆ ฝ่าย รู้สึกดีมากๆครับ เนื้อเรื่องก็ดี ผสมผสานเกี่ยวกับศาสนาและไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ อยากชวนให้ทุกคนได้มาดูหนังเรื่องนี้ เข้าฉาย 13 เมษายนนี้ครับ"