อิ่มเอิบไปกับเรื่องราวความรักท่ามกลางน้ำท่วมใน รักเอาอยู่

"รักเอาอยู่" ภาพยนตร์รักเรียกเสียงฮาเรื่องแรกที่รวบรวมภาพความประทับใจจากเหตุการณ์น้ำท่วมกรุงเทพฯ ครั้งใหญ่ในรอบ 50 ปีที่เกิดขึ้นเมื่อพ.ศ. 2554 ไว้มากที่สุด อำนวยการสร้างโดยผู้กำกับมากฝีมืออย่าง "พจน์ อานนท์" ที่ครั้งนี้ไม่ได้ลงมือกำกับเอง แต่ได้ส่งผู้กำกับรุ่นน้อง 3 คน มาร่วมกันแสดงฝีมือการกำกับ ได้แก่ "เจมส์ - ธนดล นวลสุทธิ์" "ปิง - ธรรมนูญ สกุลบุญถนอม" และ "จิ๊บ - ทิวา เมยไธสง" อีกทั้งยังได้ "ฟิล์ม - รัฐภูมิ โตคงทรัพย์" มารับหน้าที่ผู้ช่วยผู้กำกับ และแสดงนำร่วมกับ "กอล์ฟ - บุศริน หยกพรายพันธ์" "เบลล์ - เบญจรัตน์ วิศิษฐ์กิจการ" และ "อ้น - อัตตพงษ์ อัตตกิจกุล"

ฟิล์ม เปิดใจถึงการเป็นผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนตร์ในงานเปิดตัว ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา ณ โรงภาพยนตร์เอสเอฟเวิลด์ ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์ ว่า "ก็ช่วยในทุกๆ ตำแหน่งครับ เพราะว่าในภาพยนตร์เรื่องนี้เนี่ยคนเราน้อย แต่ว่าการทำงานเราหนักกว่าเดิม เพราะว่าเราต้องทำงานแข่งกับน้ำนะครับ ทุกๆ คนก็เลยต้องช่วยกันแทบทุกตำแหน่ง ทำทุกอย่าง พี่พจน์นี่บางทียังต้องไปเสิร์ฟอาหารเลย ต้องช่วยกันหมดครับ ต้องช่วยกันหมด" พจน์ ช่วยเสริมว่า "เขาก็คอยจะเซิร์ฟพวกไดอะล็อกเวลาพูด พวกภาพ ฟิล์มเขาจะดูพวกไดอะล็อกเวลาพูดอะไรอย่างนี้ครับ ก็ช่วยกัน"

พจน์ ขยายความคำว่า รักเอาอยู่ ว่า "ก็คือความรักเอาอยู่หมดทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะน้ำท่วมหรือว่าไม่ว่าจะตีกัน คนไทยตีกันแต่ถ้ามีความรักมันจะเอาอยู่หมดทุกอย่าง ไม่ว่าเรื่องอะไรที่ไม่ดีหรือว่าเรื่องดี ความรักเนี่ยเอาอยู่ ก็ตอนสร้างหนังเรื่องนี้ ก็คือถ้าน้ำไม่ท่วมประเทศไทยเราก็คงไม่เห็นคนไทยรักกันขนาดนี้"

จิ๊บ อธิบายถึงการแบ่งหน้าที่การกำกับว่า "ก็จริงๆ คือพวกเราเคยทำงานด้วยกันมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ก็รู้ทางกันดีว่าใครถนัดอะไรยังไง เราก็รู้อยู่แล้วว่าผมขอรับผิดชอบด้านนี้นะ คุณด้านนี้ๆ เอาสิ่งที่ตัวเองถนัดแล้วก็สิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งขาดมาเติมเต็มกัน ก็อย่างผมอาจจะดูเรื่องภาพเป็นสำคัญ แล้วก็อย่างเรื่องบทก็เป็นเรื่องของปิง ส่วนเรื่องนักแสดงในกองถ่ายการสังเกตการณ์ในกองถ่ายก็จะเป็นเจมส์ที่ช่วยเหลือกัน" และยังเผยถึงการกำกับภาพยนตร์ท่ามกลางน้ำท่วมว่า "น้ำมามันเป็นข้อจำกัดอีกอย่างหนึ่ง นอกจากน้ำมาแล้วมันกำลังจะลดลงแล้ว เราจะทำยังไงเพื่ออยู่กับเราและอยู่กับหนังของเราได้พอเหมาะที่สุด เอาความท้าทายตรงนี้มาทำเป็นความสนุกสนาน"

ผู้กำกับ เจมส์ พูดถึงความรู้สึกเมื่อรู้ว่ามีจระเข้หลุดว่า "คือจริงๆ แล้วครั้งแรกเราไม่รู้ คือทั้งของทีมงานและก็นักแสดงไม่มีใครรู้ฮะ จนกระทั่งตอนที่พวกผมลุยเข้าไปดูก่อน ไปดูจุดที่ให้ทางพี่จิ๊บดูว่าจุดไหนที่น่าจะเป็นจุดที่เราสามารถถ่ายทำได้ แล้วก็มีชาวบ้านตะโกนลงมาบอกว่า ไม่กลัวจระเข้กันเหรอ ทุกคนก็นิ่ง หยุด เขาบอกว่าเนี่ยมีอยู่ 3 ตัวนะอีก 2 ตัวจับไปแล้ว แต่อีก 1 ตัวอยู่แถวนี้ล่ะ" จิ๊บ เสริมว่า "คือพอเราได้ยินว่ามีจระเข้มาแล้วเนี่ย คือแถวหน้าเรากองหน้าเราหยุดทันที แล้วเราปล่อยนักแสดงเข้าก่อนผู้กำกับค่อยตามไปทีหลัง" ปิง กล่าวถึงฉากจิตอาสาว่า "อันนี้เราลุยจริงเลยครับ เราไปตามสถานที่จริงเลยครับ แล้วก็ลงไปช่วยเขาจริงๆ เลยครับ ก็คือไปตั้งกล้องแล้วก็ขอแจมกับเขาเลย เราไม่มีเอ็กซ์ตราหรืออะไรลงเลยนะครับ เรามีแค่ตัวหลักลงเท่านั้นครับ"

ฟิล์ม เผยถึงบทบาทของตนว่า "ผมรับบทเป็น ถุงเงิน ครับ ถุงเงินก็จะมีคาแรกเตอร์กวนๆ ครับ เป็นผู้ชายในสมัยนิยมแบบนี้ คือเวลาพูดจากับผู้หญิงเนี่ยก็คล้ายๆ กับเพื่อน พูดแบบตรงๆ เพื่อที่จะต่อปากต่อคำกับตัวนางเอกได้สนุกสนานขึ้นมาหน่อย" อ้น แง้มผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกให้ฟังว่า "ในเรื่องนี้นะครับผมรับบทเป็น ส่างหมอก นะครับ ก็เป็นคนที่เรียกว่าในเรื่องเป็นรุ่นน้องที่ทำงานของพี่ฟิล์ม ก็เป็นคนที่เรียกว่ามั่นใจในตัวเองสูง แล้วก็ค่อนข้างจะหลงตัวเองนิดนึง เพราะว่าในเรื่องเนี่ยผมจะไปแอบชอบนางเอกก็คือน้องกอล์ฟนะครับ ก็ไปแอบชอบเขา แล้วก็จริงๆ เนี่ยผมก็คิดไปเองว่าเขาชอบผม แต่จริงๆ เนี่ยเขาไม่ได้ชอบผมเลย" พร้อมเอ่ยว่าเป็นภาพยนตร์สอนสังคม "เราพยายามทำแบบสอนสังคม จริงๆ ไม่ใช่เรื่องดีแต่ว่าเราพยายามสอนว่าที่เขาพูดเนี่ยมันก็ไม่ใช่เรื่องดีนะ ถ้าทำอย่างนั้นก็ผู้หญิงไม่ชอบ"

นอกจากนี้ยังมีนักแสดงหญิงอีก 2 คนที่มาร่วมรับบทนำ โดย กอล์ฟ เปิดใจถึงการทำงานกับ พจน์ และ ฟิล์ม ในบทนางเอก เม่ยสุ่ย ว่า "ตอนแรกก็เกร็งค่ะ เพราะพี่พจน์เขาหน้าดุแต่พอร่วมงานด้วยพี่พจน์ใจดีมากเลยค่ะ สำหรับพี่ฟิล์มเองก็เป็นซุปตาร์ดังใช่ไหม พอได้เข้าฉากกับเขาก็แบบมีเกร็งบ้างค่ะ แล้วก็ตื่นเต้นด้วย แต่พอได้ร่วมฉากแล้วโอเคค่ะ พี่เขาใจดีมากแล้วก็คอยสอนเทคนิคต่างๆ ในการแสดงค่ะ" ส่วน เบลล์ กล่าวว่า "เป็นเรื่องแรกก็สนุกดีค่ะ พี่ๆ ให้โอกาส พี่พจน์พี่ฟิล์มให้โอกาสมาเล่นเรื่องนี้ก็ดีใจมากๆ มีพี่ๆ ทีมงาน แล้วก็มีเพื่อนนักแสดงก็ช่วยๆ กัน ก็สนุกมากๆ เป็นโอกาสที่ดีที่ได้เล่นค่ะ"

ฟิล์ม ฝากถึงภาพยนตร์ว่า "ขอขอบคุณนะครับพี่ๆ สื่อมวลชนทุกท่านเลยนะครับ ผู้หลักผู้ใหญ่ด้วยนะครับ ยังไงก็ช่วยกันบอกต่อนะครับ แล้วก็ช่วยกันประชาสัมพันธ์หนังเรื่อง รักเอาอยู่ ด้วยนะครับ เพราะผมว่านอกจากเป็นภาพยนตร์แล้วมันยังเป็นภาพความประทับใจนะครับที่ทุกๆ ท่านก็เคยไปลุยน้ำเพื่ออาสา บ้านหลายๆ ท่านก็อาจโดนน้ำท่วมนะครับ เราเคยผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มาละ แต่ว่าตอนนี้เนี่ยเรามาดูย้อนกลับไปอีกครั้งหนึ่ง เราจะได้รำลึกถึงวันวานนะครับว่าบางท่านอาจจะเคยยกหม้อยกไห หรือว่าแบกเสื้อผ้าออกไป หรือว่าบางท่านอาจจะต้องย้ายไปอยู่คอนโด เราดูภาพความประทับใจกันนะครับ แล้วก็บอกต่อ อยากให้คนไทยรักหนังเรื่องนี้กันเยอะๆ นะครับ แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้วครับ"

พจน์ พูดทิ้งท้ายว่า "หนังเรื่องนี้รับประกัน 100 เปอร์เซ็นต์เลยว่าไม่ใช่หนังสารคดี เป็นหนังน้ำท่วมเอาชีวิตคนที่น้ำท่วมมาทำจริงๆ แล้วก็ให้ความบันเทิง ให้ความสนุก ความซึ้ง ดีไม่ดีดูแล้วอาจจะร้องไห้ด้วย แล้วก็มีหัวเราะทั้งเรื่อง มันไม่ใช่หนังสารคดีแน่นอน เพราะระดับผมไม่ทำหนังสารคดีอยู่แล้ว เพราะไม่ถนัด ทำหนังเอาใจคนดูฮะ แต่มันก็เป็นการถ่ายน้ำท่วมที่สวยที่สุด สวยกว่าในทีวีที่เห็นกันมาดูจอใหญ่ๆ ก็ฝากไว้ด้วย สำหรับคนที่บ้านน้ำท่วมหรือไม่น้ำท่วมก็มาดูได้ แล้วก็คนที่ดูแล้วก็ช่วยกรุณากราบบอกต่อด้วยว่าหนังเราสนุกแค่ไหนนะครับ ยังไงก็ฝากด้วยครับ"

ความรัก ความซึ้ง ท่ามกลางน้ำท่วมใหญ่จะทำให้รู้สึกอิ่มเอบมากน้อยแค่ไหน หาคำตอบกันได้ในภาพยนตร์เรื่อง รักเอาอยู่ เข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้วตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2555 เป็นต้นไป